วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2550
รูปวาดเล่นๆ ตอนทำโปรเจค
ถ้าหากลงสีแล้วเดี๋ยวจะอัพมาให้ดูนะครับ รอคอยอีกซักพัก
ผมถนัดพวกวาดภาพประกอบมากกว่า อุอุ ในDegree Project ผมได้ทำเรื่องการ์ดเกม ถาพประกอบก็จะเป็นแบบนี้ แต่มีการลงสีมากกว่านี้
(บอกแล้วไงว่าเสร็จจะอัพมาให้)
Final Project Communication Design 5 (แก้ไข)
หลังจากในวันที่7ตุลาคม ผมได้ไปแก้ไขงานเพิ่มเติม ในส่วนนี้ผมแก้ไขทั้งหมดให้ดูน่าสนใจมากขึ้น
ขออภัยที่ส่งบล็อกช้า............จากคำวจารณ์และคำบอกเล่าของเพื่อนเพื่อน ผมได้แก้ไขในเรื่องของตัวเองและผลงานมากขึ้น
Communication Design5 ทำให้ผมทำอะไรที่ผมไม่เคยทำ และได้ให้ผมพิสูจน์ตัวเอง ผมได้เข้าใจในรายละเอียดของวิชานี้มากขึ้น
ผมพยามเข้าใจและได้รู้แจ้งในเรื่องบางส่วนจนผลักดันโปรเจคของผมให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ต่อไปนี้ผมจะเอาใจใส่กับงานมากขึ้น
(ตัวอย่างโปสเตอร์)
Sequence คู่ขนาน
ในทฤษฎีของ Quantum ที่ว่าด้วยโลกคู่ขนาน
ทฤษฎีของโลกคู่ขนานนี้เกี่ยวข้องกับทฤษฎีความน่าจะเป็นโดยจะมีตัวให้เลือกคล้ายกับการเสี่ยงสุ่มโดยหน้าของลูกเต๋าว่าจะออกหน้าอะไร ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบให้เกิดสิ่งใหม่ในขั้นตอนถัดไป โดยสิ่งนี้อาจมีจุดเริ่มเหมือนกันแต่จุดจบไม่เหมือนกัน และสามารถเกิดต่อไปได้เรื่อยๆอีก ซึ่งจะมีจุดจบ หรือไม่มีก็ได้
เลือกการพับกระดาษมาเป็นสื่อของSequenceคู่ขนาน โดยจะมีการเลือกที่จะพับว่าจะพับไปข้างหน้าหรือข้างหลังโดยใช้กระดาษด้านหนึ่งเป็นสีขาวและอีกด้านหนึ่งเป็นสีดำ เมื่อพับกระดาษแล้วรูปทรงของกระดาษจะแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้พับ
งานเก่ารูปถ่ายหายครับ เดี๋ยวผมจะจัดแจงอัพใหม่โดยเร็วที่สุดครับ เอางานแก้ไปดูก่อนนะครับ ของคุณที่ชมครับ
ขออภัยที่ส่งบล็อกช้า............จากคำวจารณ์และคำบอกเล่าของเพื่อนเพื่อน ผมได้แก้ไขในเรื่องของตัวเองและผลงานมากขึ้น
Communication Design5 ทำให้ผมทำอะไรที่ผมไม่เคยทำ และได้ให้ผมพิสูจน์ตัวเอง ผมได้เข้าใจในรายละเอียดของวิชานี้มากขึ้น
ผมพยามเข้าใจและได้รู้แจ้งในเรื่องบางส่วนจนผลักดันโปรเจคของผมให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ต่อไปนี้ผมจะเอาใจใส่กับงานมากขึ้น
(ตัวอย่างโปสเตอร์)
Sequence คู่ขนาน
ในทฤษฎีของ Quantum ที่ว่าด้วยโลกคู่ขนาน
ทฤษฎีของโลกคู่ขนานนี้เกี่ยวข้องกับทฤษฎีความน่าจะเป็นโดยจะมีตัวให้เลือกคล้ายกับการเสี่ยงสุ่มโดยหน้าของลูกเต๋าว่าจะออกหน้าอะไร ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบให้เกิดสิ่งใหม่ในขั้นตอนถัดไป โดยสิ่งนี้อาจมีจุดเริ่มเหมือนกันแต่จุดจบไม่เหมือนกัน และสามารถเกิดต่อไปได้เรื่อยๆอีก ซึ่งจะมีจุดจบ หรือไม่มีก็ได้
เลือกการพับกระดาษมาเป็นสื่อของSequenceคู่ขนาน โดยจะมีการเลือกที่จะพับว่าจะพับไปข้างหน้าหรือข้างหลังโดยใช้กระดาษด้านหนึ่งเป็นสีขาวและอีกด้านหนึ่งเป็นสีดำ เมื่อพับกระดาษแล้วรูปทรงของกระดาษจะแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้พับ
งานเก่ารูปถ่ายหายครับ เดี๋ยวผมจะจัดแจงอัพใหม่โดยเร็วที่สุดครับ เอางานแก้ไปดูก่อนนะครับ ของคุณที่ชมครับ
วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2550
การพับ
พับนก
พับมังกร....อันนี้ไม่มีวิธีการพับ
พับเลข8
พับคุณช้าง
พับเค้ก
ได้ไปลองดูวิธีการพับของญี่ปุ่นที่เกิดจากกระดาษแผ่นเดียว
รูปทรงของกระดาษก่อนที่จะพับเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสทั้งหมด
ญี่ปุ่นเป็นชนชาติที่ควรได้รับการยกย่องในหลายหลายๆด้าน เพราะมีไอเดียแปลกๆจึงอยากนำมาเสนอให้ได้ชมกัน
ซึ่งจะเห็นได้ว่าการพับนั้นเกิดจากการตัดสินใจที่จะพับออกมาและเลือกว่าจะพับตรงไหนทำให้จุดหมายปลายทางไม่เหมือนกัน
สิ่งที่จะนำมาประยุกต์ใช้งานที่เกิดจากการพับ
ผมติดปัญหาอยู่ที่รูปแบบการพับของของแต่ละอย่างไม่เหมือนกัน ผมจึงต้องศึกษาว่าจะทำอย่างไรการพับถึงอธิบายSequenceของผมได้อย่างตรบถ้วน และมีความน่าสนใจ+สนุก อยู่ในงานออกแบบ
- ผมคิดจะนำข้อมูลของการพับมาใช้ในการออกแบบ ว่าเมื่อเวลาเราพับตรงไหนจะเปลี่ยนไปอย่างไร
- รูปทรงที่ใช้เริ่มอาจเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส เพราะผมเอาวิธีการพับแบบญี่ปุ่นมาอ้างอิง และอาจมีการลอกวิธีการพับบางส่วนเพื่อใช้เป็นแกนการพับ
http://www.origami-club.com/ >>>>สนใจดูการพับแบบอื่นlinkไปที่เวปนี้ได้นะครับ
วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2550
แก้ข้อผิดพลาดของงานคู่ขนาน
Sequence คู่ขนาน ในทฤษฎีของ Quantum ที่ว่าด้วยโลกคู่ขนาน
ทฤษฎีของโลกคู่ขนานนี้เกี่ยวข้องกับทฤษฎีความน่าจะเป็นโดยจะมีตัวให้เลือกคล้ายกับการเสี่ยงสุ่มโดยหน้าของลูกเต๋าว่าจะออกหน้าอะไร ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบให้เกิดสิ่งใหม่ในขั้นตอนถัดไป โดยสิ่งนี้อาจมีจุดเริ่มเหมือนกันแต่จุดจบไม่เหมือนกัน และสามารถเกิดต่อไปได้เรื่อยๆอีก ซึ่งจะมีจุดจบ หรือไม่มีก็ได้
โดยเส้นทางที่เชื่อมต่อซึ่งทำให้วัตถุเปลี่ยนแปลงไปอาจคล้ายกับLink โดยมีลักษณะที่คล้ายกับท่อต่อน้ำ ซึ่งทำให้วัตถุที่เกิดขึ้นต่างกันออกไป
Linkที่เกิดขึ้นอาจมีลักษณะคล้ายกับท่อส่งน้ำซึ่งอยู่ในจุดA1 และA2 ซึ่งทั้งสองจุดไม่ใช่การเลือก แต่เป็นจุดเชื่อมต่อเพื่อให้ส่งต่อจากจุด A1 ไปยังจุดA2 ได้ซึ่งอาจจะเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของSequenceแบบส่งต่อกันก็ได้ ซึ่งวัตถุที่ยกมาจะอยู่ในรูปของวัตถุที่สามารถเปลี่ยนรูปได้ซึ่งในขั้นตอนนี้ได้ยกตัวอย่างของน้ำที่อยู่ในท่อซึ่งน้ำจะสามารถเปลี่ยนรูปได้เมื่ออยู่ในสิ่งแวดล้อมต่างๆ และสามารถเปลี่ยนรูปร่างเพื่อเคลื่อนให้ไปหาอีกจุดหมายหนึ่งได้ แต่รูปร่างของน้ำจะไม่คงตัวทำให้ไม่สามารถยกรูปแบบของน้ำมาเป็นตัวอย่างในSequenceคู่ขนานได้ เพราะน้ำจะไม่หลงเหลือรูปทรงของในอดีตได้มากว่าความเป็นน้ำที่อยู่ในภาชนะใหม่
หารูปแบบที่มีลักษณะคล้ายกัน....ดินน้ำมันน่าจะตอบโจทย์ได้มากกว่าน้ำ เพราะว่าดินน้ำมันมีของแข็งกึ่งเหลวที่สามารถซึมซับเหตุการณ์ในอดีต....เมื่อเราขยำรูปร่างดินน้ำมันก็เปลี่ยนไปตามที่เราขยำ เมื่อเราปามันลงกับพื้นรูปร่างก็มันก็มีบางส่วนที่แบนและมีบางส่วนที่มีเหตุการณ์ของมันอยู่บ้าง และเมื่อเรานำมีดมาตัดครึ่งมันรูปร่างของมันก็ยังบอกถึงว่ามันเคยถูกขยำและถูกปามาก่อน เพราะรูปร่างที่เปลี่ยนไปจากสิ่งที่อดีตได้กระทำมา
เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับทฤษฎีโลกคู่ขนานของ Quantum ที่พูดถึงโลกในแบบที่ทับซ้อนกัน ซึ่งเป็นโลกของความน่าจะเป็น สถานะที่ต่างกันออกไปความสัมพันธ์นี้จะสิ้นสุดลง เมื่อมีการเลือกทางใดทางหนึ่งของความน่าจะเป็นนั้น ซึ่งหลังจากที่มีการเลือกเกิดขึ้นแล้วเอกภพคู่ขนานทั้งสองจะไม่สัมพันธ์กันอีกเลย โดยนำเอาการเคลื่อนที่ของน้ำที่อยู่ในรูปแบบของท่อ กับวัตถุที่เป็นดินน้ำมัน จะได้ดังนี้
-วัตถุที่เลือกต้องมีความอ่อนไหวต่อสิ่งเร้า
-วัตถุที่เลือกต้องเปลื่ยนไปไปตามแต่ละสถานที่โดยเป็นขั้นตอน
-เมื่อเปลี่ยนแปลงแล้วต้องอ้างถึงเหตุการณ์เก่า(น่าจะเหลือการเปลี่ยนแปลงครั้งก่อนไว้ให้เห็น)
ผมจึงหาวัตถุที่ใกล้เคียงกับดินน้ำมัน...ซึ่งน่าจะเป็นกระดาษเพราะกระดาษเป็นสิ่งที่บอบบางและสามารถเปลี่ยนรูปร่างด้วยวิธีการพับ....ผมหยุดความคิดนี้ไว้จนถึงวันศุกร์
ผมจึงคิดต่อไปอีกว่าผมจะใช้กระดาษมาเป็นตัวช่วยในการออกแบบอย่างไร
ในวันศุกร์ผมได้ไปดูนิทรรศการที่Central World ผมได้หยิบแผ่นพับขึ้นมาดูและพบว่า....เมื่อผมกางออกทั้งหมดและพับเก็บอีกครั้ง ผมจำไม่ได้ว่าผมควรจะพับไปด้านหน้าหรือด้านหลังดี และการพับเก็บของผมก็แปลกออกไป ผมจึงต้องย้อนไปพับใหม่อีกครั้ง ผมคิดว่าแผ่นพับน่าจะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ของผมได้ดีที่สุด เพราะเมื่อเราพับตามแบบที่เขาไม่ได้พับจะทำให้ผลสิ้นสุดแตกต่างออกไป ซึ่งจุดสิ้นสุดของเราจะเหมือนกับดินน้ำมันที่ถูกปาถูกขยำถูกตัดเป็นต้น
ทฤษฎีของโลกคู่ขนานนี้เกี่ยวข้องกับทฤษฎีความน่าจะเป็นโดยจะมีตัวให้เลือกคล้ายกับการเสี่ยงสุ่มโดยหน้าของลูกเต๋าว่าจะออกหน้าอะไร ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบให้เกิดสิ่งใหม่ในขั้นตอนถัดไป โดยสิ่งนี้อาจมีจุดเริ่มเหมือนกันแต่จุดจบไม่เหมือนกัน และสามารถเกิดต่อไปได้เรื่อยๆอีก ซึ่งจะมีจุดจบ หรือไม่มีก็ได้
โดยเส้นทางที่เชื่อมต่อซึ่งทำให้วัตถุเปลี่ยนแปลงไปอาจคล้ายกับLink โดยมีลักษณะที่คล้ายกับท่อต่อน้ำ ซึ่งทำให้วัตถุที่เกิดขึ้นต่างกันออกไป
Linkที่เกิดขึ้นอาจมีลักษณะคล้ายกับท่อส่งน้ำซึ่งอยู่ในจุดA1 และA2 ซึ่งทั้งสองจุดไม่ใช่การเลือก แต่เป็นจุดเชื่อมต่อเพื่อให้ส่งต่อจากจุด A1 ไปยังจุดA2 ได้ซึ่งอาจจะเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของSequenceแบบส่งต่อกันก็ได้ ซึ่งวัตถุที่ยกมาจะอยู่ในรูปของวัตถุที่สามารถเปลี่ยนรูปได้ซึ่งในขั้นตอนนี้ได้ยกตัวอย่างของน้ำที่อยู่ในท่อซึ่งน้ำจะสามารถเปลี่ยนรูปได้เมื่ออยู่ในสิ่งแวดล้อมต่างๆ และสามารถเปลี่ยนรูปร่างเพื่อเคลื่อนให้ไปหาอีกจุดหมายหนึ่งได้ แต่รูปร่างของน้ำจะไม่คงตัวทำให้ไม่สามารถยกรูปแบบของน้ำมาเป็นตัวอย่างในSequenceคู่ขนานได้ เพราะน้ำจะไม่หลงเหลือรูปทรงของในอดีตได้มากว่าความเป็นน้ำที่อยู่ในภาชนะใหม่
หารูปแบบที่มีลักษณะคล้ายกัน....ดินน้ำมันน่าจะตอบโจทย์ได้มากกว่าน้ำ เพราะว่าดินน้ำมันมีของแข็งกึ่งเหลวที่สามารถซึมซับเหตุการณ์ในอดีต....เมื่อเราขยำรูปร่างดินน้ำมันก็เปลี่ยนไปตามที่เราขยำ เมื่อเราปามันลงกับพื้นรูปร่างก็มันก็มีบางส่วนที่แบนและมีบางส่วนที่มีเหตุการณ์ของมันอยู่บ้าง และเมื่อเรานำมีดมาตัดครึ่งมันรูปร่างของมันก็ยังบอกถึงว่ามันเคยถูกขยำและถูกปามาก่อน เพราะรูปร่างที่เปลี่ยนไปจากสิ่งที่อดีตได้กระทำมา
เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับทฤษฎีโลกคู่ขนานของ Quantum ที่พูดถึงโลกในแบบที่ทับซ้อนกัน ซึ่งเป็นโลกของความน่าจะเป็น สถานะที่ต่างกันออกไปความสัมพันธ์นี้จะสิ้นสุดลง เมื่อมีการเลือกทางใดทางหนึ่งของความน่าจะเป็นนั้น ซึ่งหลังจากที่มีการเลือกเกิดขึ้นแล้วเอกภพคู่ขนานทั้งสองจะไม่สัมพันธ์กันอีกเลย โดยนำเอาการเคลื่อนที่ของน้ำที่อยู่ในรูปแบบของท่อ กับวัตถุที่เป็นดินน้ำมัน จะได้ดังนี้
-วัตถุที่เลือกต้องมีความอ่อนไหวต่อสิ่งเร้า
-วัตถุที่เลือกต้องเปลื่ยนไปไปตามแต่ละสถานที่โดยเป็นขั้นตอน
-เมื่อเปลี่ยนแปลงแล้วต้องอ้างถึงเหตุการณ์เก่า(น่าจะเหลือการเปลี่ยนแปลงครั้งก่อนไว้ให้เห็น)
ผมจึงหาวัตถุที่ใกล้เคียงกับดินน้ำมัน...ซึ่งน่าจะเป็นกระดาษเพราะกระดาษเป็นสิ่งที่บอบบางและสามารถเปลี่ยนรูปร่างด้วยวิธีการพับ....ผมหยุดความคิดนี้ไว้จนถึงวันศุกร์
ผมจึงคิดต่อไปอีกว่าผมจะใช้กระดาษมาเป็นตัวช่วยในการออกแบบอย่างไร
ในวันศุกร์ผมได้ไปดูนิทรรศการที่Central World ผมได้หยิบแผ่นพับขึ้นมาดูและพบว่า....เมื่อผมกางออกทั้งหมดและพับเก็บอีกครั้ง ผมจำไม่ได้ว่าผมควรจะพับไปด้านหน้าหรือด้านหลังดี และการพับเก็บของผมก็แปลกออกไป ผมจึงต้องย้อนไปพับใหม่อีกครั้ง ผมคิดว่าแผ่นพับน่าจะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ของผมได้ดีที่สุด เพราะเมื่อเราพับตามแบบที่เขาไม่ได้พับจะทำให้ผลสิ้นสุดแตกต่างออกไป ซึ่งจุดสิ้นสุดของเราจะเหมือนกับดินน้ำมันที่ถูกปาถูกขยำถูกตัดเป็นต้น
ป้ายกำกับ:
Communication Design 5
วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2550
ทำลองคู่ขนาน
คู่ขนานแบบความน่าจะเป็นในทฤษฏีของQuantum parallel universe
เมื่อนำทฤษฏีนี้มาใช้กับแผนที่ม.กรุงเทพ...จะหมายถึงการเลือกหรือความน่าจะเป็นว่ามีกี่วิธี
ชุดแรกเป็นวิธีของการเดินตามทาง(ถนน)โดยห้ามเดินทางย้อนกลับมาทางที่เคยเดินไปแล้ว
1.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
2.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก3-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
3.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
4.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
เมื่อลองคิดนอกกรอบ...การเดินทางไปทางไหนก็ได้โดยไม่เดินซ้ำกับเส้นทางที่เคยเดินมาแล้ว
ซึ่งจะได้วิธีอีกหลายวิธี เช่น
5.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
6.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
7.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ผ่านตึก11-ผ่านตึก12-ไปถึงหอสมุด
8.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ผ่านตึก11-ผ่านตึก12-ไปถึงหอสมุด
9.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ผ่านตึก11-ผ่านตึก12-ไปถึงหอสมุด
10.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ผ่านตึก11-ผ่านตึก12-ไปถึงหอสมุด
11.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ไปถึงหอสมุด
12.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ไปถึงหอสมุด
13.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ผ่านตึก11-ผ่านตึก12-ไปถึงหอสมุด
สรุปการทดลอง
-เป็นระบบSequenceที่มีจุดเริ่มและจุดจบเดียวกัน(มีทางเข้าทางเดียวและทางออกทางเดียว)
-มีการจัดเรียงที่ไม่เหมือนกัน โดยอาจมีการสลับของSequenceบางพจน์ได้
-จำนวนของSequenceอาจไม่เท่ากันก้อได้
-มีการกำหนดให้บางตัวต้องตามบางตัวเท่านั้น หรือตามด้วยตัวไหนก็ได้
-การทดลองนี้เป็นการทดลองที่ใช้ชื่อของตึกตั้งแต่ตึก1-12มาใช้เพื่อให้เกิดความเข้าใจง่าย
-การทดลองนี้ไม่ใช่การทดลองที่สมบูรณ์แต่เเป็นการหยิบบางส่วนมาชี้ เพื่อตอบโจทย์แบบคู่ขนานแบบQuantum
สรุปงานทดลองที่จะเกิดขึ้น
-มีลักษณะคล้ายตัวอย่างดังกล่าว โดยนำการเชื่อมโยง การสลับ ความน่าจะเป็นมาใช้ในงานออกแบบ
ป้ายกำกับ:
Communication Design 5
สรุปคู่ขนาน
1.ขนานทางคณิตศาสตร์
- มีตั้งแต่2กลุ่มขึ้นไป
- เมื่อลากเส้นตัดที่90องศา เส้นต้องตั้งฉากกันทั้งหมด
- เหมือนหรือไม่เหมือนก็ได้
- เส้นจะยาวเท่ากันหรือไม่เท่ากันก็ได้
- ต้องอยู่บนระนาบเดียวกัน
- ช่องว่าระหว่าเส้นต้องเท่ากันเสมอ
- อาจเป็นเส้นตรงหรือเส้นโค้งก็ได้
2.ขนานทางปรัชญา...จะเป็นความรู้สึกของการใช้คำว่าคู่ขนาน เช่น พรรคการเมืองคู่ขนาน(น่าจะหมายถึงพรรคการเมืองที่มีความคิดเห็นที่ไม่สามารถบรรจบกันได้) อาจเป็นความหมายของคูขนานในเชิงลบ
สรุปทฤษฏีคู่ขนาน ของดร. อรรถกฤต ฉัตรภูติ
1. Quantum parallel universe ซึ่งกล่าวว่าอาจจะมีเอกภพอื่นๆ ซึ่งมี กฎทางฟิสิกส์ และ ค่าคงที่ต่างๆเหมือนกับเอกภพที่เราอยู่ทุกประการ แต่อาจจะอยู่ในสถานะที่ต่างกัน และ เอกภพคู่ขนานเหล่านี้ไม่สามารถที่จะติดต่อกันได้ ในโลกของควอนตัมซึ่งเป็นโลกของความน่าจะเป็น สถานะที่ต่างกันออกไป ในแต่ละเอกภพจะสัมพันธกัน โดยกระบวนการทางควอนตัมที่เรียกว่า Quantum superposition และ ความสัมพันธ์นี้จะสิ้นสุดลง เมื่อมีการเลือกทางใดทางหนึ่งของความน่าจะเป็นนั้น ซึ่งหลังจากที่มีการเลือกเกิดขึ้นแล้ว เอกภพคู่ขนานทั้งสองจะไม่สัมพันธ์กันอีกเลย....มีความน่าจะเป็น เมื่อความน่าจะเป็นเกิดขึ้น เอกภพคู่ขนานทั้งจะไม่สัมพันธ์กันอีกเลย
2. Inflation multi-universes เป็นแนวคิดที่พัฒนามาจากการศึกษาจักรวาลวิทยา (cosmology) หรือ การศึกษาเกี่ยวกับการกำเนิด และ วิวัฒนาการของเอกภพ หลักฐานที่เราได้จากคลื่นแม่ไมโครเวฟพื้นหลัง (Cosmic Microwave Background Radiation) ทำให้เชื่อว่าเอกภพที่เราอาศัยอยู่ ณ ขณะนี้ มีวิวัฒนาการมาจากการระเบิดครั้งใหญ่ที่เรียกว่า บิกแบง (Big Bang)
3.แนวคิดเรื่องเอกภพคู่ขนานในกลุ่มนี้ เป็นแนวคิดที่ได้มาจากทฤษฎีเส้นเชือก หรือ
String Theory ซึ่งเป็นทฤษฎีที่สร้างขึ้นมาเพื่อที่จะอธิบายธรรมชาติของแรงโน้มถ่วงในระดับพลังงานสูงๆ ก่อนอื่นต้องขออธิบายว่าในวิชาฟิสิกส์เราแบ่งแรงในธรรมชาติออกเป็น 4 ชนิด คือ
3.1แรงโน้มถ่วง ซึ่งเป็นแรงที่ดึงดูดมวลสารและพลังงานเข้าด้วยกัน เช่น แรงที่ดึงดูดดวงจันทร์เข้ากับโลกเป็นต้น
3.2แรงแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นแรงที่กระทำกับอนุภาคที่มีประจุ เช่น แรงที่ดูดอิเล็กตรอนให้วิ่งวนรอบนิวเคลียส เป็นแรงที่อยู่เบื้องหลังปฏิกิริยาเคมีทั้งหมด รวมถึงระบบประสาทในสิ่งมีชีวิต
3.3แรงนิวเคลียร์แบบอ่อน เป็นแรงที่เกิดในการสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสี และปฏิกิริยานิวเคลียร์บนดวงอาทิตย์เป็นต้น
3.4สี่แรงนิวเคลียร์แบบเข้ม เป็นแรงที่ดึงดูดอนุภาคควาร์ก ให้รวมกันอยู่ได้โปรตรอนและนิวตรอน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของอะตอม
***ปัจจุบันทฤษฎีที่เราใช้อธิบายแรงโน้มถ่วงคือ ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ซึ่งค้นพบโดย อัลเบอร์ต ไอน์สไตน์
ปัญหาใหญ่อีกอย่างของทฤษฎีเอกภพคู่ขนานคือ การทดสอบทฤษฎี โดยเฉพาะทฤษฎีที่ได้แรงบันดาลใจ มาจากทฤษฎีสตริง เพราะตามทฤษฎีแล้ว การที่จะเห็นมิติพิเศษอื่นๆที่มากกว่า 4 นั้น จะต้องอาศัยพลังงานสูงมากๆ และอาจจะต้องใช้เทคโนโลยี ที่สูงกว่าที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ดีนักฟิสิกส์หลายๆคนเชื่อว่า เราอาจจะตรวจพบสัญญาณจากมิติที่ห้า จากการทดลองโดยเครื่องเร่งอนุภาค Large Hadron Collider (LHC) ที่ห้องปฏิบัติการ CERN ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ นอกจากนี้แล้วการศึกษาคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่เรียกว่า
Cosmic Microwave Background (CMB) ก็อาจจะทดสอบทฤษฎี Bubble Universe ได้ว่าน่าเชื่อถือหรือไม่
- มีตั้งแต่2กลุ่มขึ้นไป
- เมื่อลากเส้นตัดที่90องศา เส้นต้องตั้งฉากกันทั้งหมด
- เหมือนหรือไม่เหมือนก็ได้
- เส้นจะยาวเท่ากันหรือไม่เท่ากันก็ได้
- ต้องอยู่บนระนาบเดียวกัน
- ช่องว่าระหว่าเส้นต้องเท่ากันเสมอ
- อาจเป็นเส้นตรงหรือเส้นโค้งก็ได้
2.ขนานทางปรัชญา...จะเป็นความรู้สึกของการใช้คำว่าคู่ขนาน เช่น พรรคการเมืองคู่ขนาน(น่าจะหมายถึงพรรคการเมืองที่มีความคิดเห็นที่ไม่สามารถบรรจบกันได้) อาจเป็นความหมายของคูขนานในเชิงลบ
สรุปทฤษฏีคู่ขนาน ของดร. อรรถกฤต ฉัตรภูติ
1. Quantum parallel universe ซึ่งกล่าวว่าอาจจะมีเอกภพอื่นๆ ซึ่งมี กฎทางฟิสิกส์ และ ค่าคงที่ต่างๆเหมือนกับเอกภพที่เราอยู่ทุกประการ แต่อาจจะอยู่ในสถานะที่ต่างกัน และ เอกภพคู่ขนานเหล่านี้ไม่สามารถที่จะติดต่อกันได้ ในโลกของควอนตัมซึ่งเป็นโลกของความน่าจะเป็น สถานะที่ต่างกันออกไป ในแต่ละเอกภพจะสัมพันธกัน โดยกระบวนการทางควอนตัมที่เรียกว่า Quantum superposition และ ความสัมพันธ์นี้จะสิ้นสุดลง เมื่อมีการเลือกทางใดทางหนึ่งของความน่าจะเป็นนั้น ซึ่งหลังจากที่มีการเลือกเกิดขึ้นแล้ว เอกภพคู่ขนานทั้งสองจะไม่สัมพันธ์กันอีกเลย....มีความน่าจะเป็น เมื่อความน่าจะเป็นเกิดขึ้น เอกภพคู่ขนานทั้งจะไม่สัมพันธ์กันอีกเลย
2. Inflation multi-universes เป็นแนวคิดที่พัฒนามาจากการศึกษาจักรวาลวิทยา (cosmology) หรือ การศึกษาเกี่ยวกับการกำเนิด และ วิวัฒนาการของเอกภพ หลักฐานที่เราได้จากคลื่นแม่ไมโครเวฟพื้นหลัง (Cosmic Microwave Background Radiation) ทำให้เชื่อว่าเอกภพที่เราอาศัยอยู่ ณ ขณะนี้ มีวิวัฒนาการมาจากการระเบิดครั้งใหญ่ที่เรียกว่า บิกแบง (Big Bang)
3.แนวคิดเรื่องเอกภพคู่ขนานในกลุ่มนี้ เป็นแนวคิดที่ได้มาจากทฤษฎีเส้นเชือก หรือ
String Theory ซึ่งเป็นทฤษฎีที่สร้างขึ้นมาเพื่อที่จะอธิบายธรรมชาติของแรงโน้มถ่วงในระดับพลังงานสูงๆ ก่อนอื่นต้องขออธิบายว่าในวิชาฟิสิกส์เราแบ่งแรงในธรรมชาติออกเป็น 4 ชนิด คือ
3.1แรงโน้มถ่วง ซึ่งเป็นแรงที่ดึงดูดมวลสารและพลังงานเข้าด้วยกัน เช่น แรงที่ดึงดูดดวงจันทร์เข้ากับโลกเป็นต้น
3.2แรงแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นแรงที่กระทำกับอนุภาคที่มีประจุ เช่น แรงที่ดูดอิเล็กตรอนให้วิ่งวนรอบนิวเคลียส เป็นแรงที่อยู่เบื้องหลังปฏิกิริยาเคมีทั้งหมด รวมถึงระบบประสาทในสิ่งมีชีวิต
3.3แรงนิวเคลียร์แบบอ่อน เป็นแรงที่เกิดในการสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสี และปฏิกิริยานิวเคลียร์บนดวงอาทิตย์เป็นต้น
3.4สี่แรงนิวเคลียร์แบบเข้ม เป็นแรงที่ดึงดูดอนุภาคควาร์ก ให้รวมกันอยู่ได้โปรตรอนและนิวตรอน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของอะตอม
***ปัจจุบันทฤษฎีที่เราใช้อธิบายแรงโน้มถ่วงคือ ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ซึ่งค้นพบโดย อัลเบอร์ต ไอน์สไตน์
ปัญหาใหญ่อีกอย่างของทฤษฎีเอกภพคู่ขนานคือ การทดสอบทฤษฎี โดยเฉพาะทฤษฎีที่ได้แรงบันดาลใจ มาจากทฤษฎีสตริง เพราะตามทฤษฎีแล้ว การที่จะเห็นมิติพิเศษอื่นๆที่มากกว่า 4 นั้น จะต้องอาศัยพลังงานสูงมากๆ และอาจจะต้องใช้เทคโนโลยี ที่สูงกว่าที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ดีนักฟิสิกส์หลายๆคนเชื่อว่า เราอาจจะตรวจพบสัญญาณจากมิติที่ห้า จากการทดลองโดยเครื่องเร่งอนุภาค Large Hadron Collider (LHC) ที่ห้องปฏิบัติการ CERN ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ นอกจากนี้แล้วการศึกษาคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่เรียกว่า
Cosmic Microwave Background (CMB) ก็อาจจะทดสอบทฤษฎี Bubble Universe ได้ว่าน่าเชื่อถือหรือไม่
ป้ายกำกับ:
Communication Design 5
วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2550
คู่ขนาน
คลังข้อความขนานคือข้อความต้นฉบับและข้อความภาษาอื่นๆ ที่แปลมาจากข้อความต้นฉบับ ในคลังข้อความขนานระบุส่วนตรงกันมีการระบุประโยคที่ตรงกันของคู่ข้อความที่ต่างภาษา ดังตัวอย่างในตารางด้านล่าง
ข้อความต้นฉบับภาษาอังกฤษ กับ ข้อความที่แปลเป็นภาษาไทย
แรงขนาน หมายถึงแรงที่มีทิศขนานกัน แรงขนานมี 2 ประเภท คือ
แรงขนานพวกเดียวกันคือแรงขนานที่มีทิศทางเดียวกัน
แรงขนานต่างพวกกันคือแรงขนานที่มีทิศทางตรงข้ามกัน
แบบทดสอบคู่ขนาน หมายถึง แบบทดสอบสองฉบับที่มีเนื้อหา ความยากง่าย อำนาจจำแนก คะแนนเฉลี่ย คะแนนเบี่ยงเบนมาตรฐานเหมือนกัน และจำนวนข้อเท่ากัน นำไปสอบกับกลุ่มตัวอย่างทั้งสองฉบับ แล้วหาค่าสหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนทั้งสองฉบับนี้ สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ที่คำนวณได้นี้ก็คือความเชื่อมั่นของแบบทดสอบนั่นเอง
เส้นขนาน คือ เส้นตรงสองเส้นที่อยู่บนระนาบเดียวกัน ไม่ตัดกัน และมีระยะห่างระหว่างเส้นทั้งสองเท่ากันเสมอ เส้นขนานอาจเป็นเส้นตรงหรือเส้นโค้งก็ได้ เช่น รางรถไฟ ขอบยางในรถยนต์
เส้นตรงที่ตั้งฉากกับเส้นตรงเดียวกันย่อมขนานกัน และเส้นตรงที่ขนานกับเส้นตรงเดียวกันย่อมขนานกัน
ข้อความต้นฉบับภาษาอังกฤษ กับ ข้อความที่แปลเป็นภาษาไทย
แรงขนาน หมายถึงแรงที่มีทิศขนานกัน แรงขนานมี 2 ประเภท คือ
แรงขนานพวกเดียวกันคือแรงขนานที่มีทิศทางเดียวกัน
แรงขนานต่างพวกกันคือแรงขนานที่มีทิศทางตรงข้ามกัน
แบบทดสอบคู่ขนาน หมายถึง แบบทดสอบสองฉบับที่มีเนื้อหา ความยากง่าย อำนาจจำแนก คะแนนเฉลี่ย คะแนนเบี่ยงเบนมาตรฐานเหมือนกัน และจำนวนข้อเท่ากัน นำไปสอบกับกลุ่มตัวอย่างทั้งสองฉบับ แล้วหาค่าสหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนทั้งสองฉบับนี้ สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ที่คำนวณได้นี้ก็คือความเชื่อมั่นของแบบทดสอบนั่นเอง
เส้นขนาน คือ เส้นตรงสองเส้นที่อยู่บนระนาบเดียวกัน ไม่ตัดกัน และมีระยะห่างระหว่างเส้นทั้งสองเท่ากันเสมอ เส้นขนานอาจเป็นเส้นตรงหรือเส้นโค้งก็ได้ เช่น รางรถไฟ ขอบยางในรถยนต์
เส้นตรงที่ตั้งฉากกับเส้นตรงเดียวกันย่อมขนานกัน และเส้นตรงที่ขนานกับเส้นตรงเดียวกันย่อมขนานกัน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)