วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2550

ทำลองคู่ขนาน


คู่ขนานแบบความน่าจะเป็นในทฤษฏีของQuantum parallel universe

เมื่อนำทฤษฏีนี้มาใช้กับแผนที่ม.กรุงเทพ...จะหมายถึงการเลือกหรือความน่าจะเป็นว่ามีกี่วิธี
ชุดแรกเป็นวิธีของการเดินตามทาง(ถนน)โดยห้ามเดินทางย้อนกลับมาทางที่เคยเดินไปแล้ว

1.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
2.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก3-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
3.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
4.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
เมื่อลองคิดนอกกรอบ...การเดินทางไปทางไหนก็ได้โดยไม่เดินซ้ำกับเส้นทางที่เคยเดินมาแล้ว

ซึ่งจะได้วิธีอีกหลายวิธี เช่น
5.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
6.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
7.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ผ่านตึก11-ผ่านตึก12-ไปถึงหอสมุด
8.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ผ่านตึก11-ผ่านตึก12-ไปถึงหอสมุด
9.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ผ่านตึก11-ผ่านตึก12-ไปถึงหอสมุด
10.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ผ่านตึก11-ผ่านตึก12-ไปถึงหอสมุด
11.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ไปถึงหอสมุด
12.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ไปถึงหอสมุด
13.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ผ่านตึก11-ผ่านตึก12-ไปถึงหอสมุด
สรุปการทดลอง
-เป็นระบบSequenceที่มีจุดเริ่มและจุดจบเดียวกัน(มีทางเข้าทางเดียวและทางออกทางเดียว)
-มีการจัดเรียงที่ไม่เหมือนกัน โดยอาจมีการสลับของSequenceบางพจน์ได้
-จำนวนของSequenceอาจไม่เท่ากันก้อได้
-มีการกำหนดให้บางตัวต้องตามบางตัวเท่านั้น หรือตามด้วยตัวไหนก็ได้
-การทดลองนี้เป็นการทดลองที่ใช้ชื่อของตึกตั้งแต่ตึก1-12มาใช้เพื่อให้เกิดความเข้าใจง่าย
-การทดลองนี้ไม่ใช่การทดลองที่สมบูรณ์แต่เเป็นการหยิบบางส่วนมาชี้ เพื่อตอบโจทย์แบบคู่ขนานแบบQuantum


สรุปงานทดลองที่จะเกิดขึ้น
-มีลักษณะคล้ายตัวอย่างดังกล่าว โดยนำการเชื่อมโยง การสลับ ความน่าจะเป็นมาใช้ในงานออกแบบ

สรุปคู่ขนาน

1.ขนานทางคณิตศาสตร์
- มีตั้งแต่2กลุ่มขึ้นไป
- เมื่อลากเส้นตัดที่90องศา เส้นต้องตั้งฉากกันทั้งหมด
- เหมือนหรือไม่เหมือนก็ได้
- เส้นจะยาวเท่ากันหรือไม่เท่ากันก็ได้
- ต้องอยู่บนระนาบเดียวกัน
- ช่องว่าระหว่าเส้นต้องเท่ากันเสมอ
- อาจเป็นเส้นตรงหรือเส้นโค้งก็ได้

2.ขนานทางปรัชญา...จะเป็นความรู้สึกของการใช้คำว่าคู่ขนาน เช่น พรรคการเมืองคู่ขนาน(น่าจะหมายถึงพรรคการเมืองที่มีความคิดเห็นที่ไม่สามารถบรรจบกันได้) อาจเป็นความหมายของคูขนานในเชิงลบ

สรุปทฤษฏีคู่ขนาน ของดร. อรรถกฤต ฉัตรภูติ
1. Quantum parallel universe ซึ่งกล่าวว่าอาจจะมีเอกภพอื่นๆ ซึ่งมี กฎทางฟิสิกส์ และ ค่าคงที่ต่างๆเหมือนกับเอกภพที่เราอยู่ทุกประการ แต่อาจจะอยู่ในสถานะที่ต่างกัน และ เอกภพคู่ขนานเหล่านี้ไม่สามารถที่จะติดต่อกันได้ ในโลกของควอนตัมซึ่งเป็นโลกของความน่าจะเป็น สถานะที่ต่างกันออกไป ในแต่ละเอกภพจะสัมพันธกัน โดยกระบวนการทางควอนตัมที่เรียกว่า Quantum superposition และ ความสัมพันธ์นี้จะสิ้นสุดลง เมื่อมีการเลือกทางใดทางหนึ่งของความน่าจะเป็นนั้น ซึ่งหลังจากที่มีการเลือกเกิดขึ้นแล้ว เอกภพคู่ขนานทั้งสองจะไม่สัมพันธ์กันอีกเลย....มีความน่าจะเป็น เมื่อความน่าจะเป็นเกิดขึ้น เอกภพคู่ขนานทั้งจะไม่สัมพันธ์กันอีกเลย
2. Inflation multi-universes เป็นแนวคิดที่พัฒนามาจากการศึกษาจักรวาลวิทยา (cosmology) หรือ การศึกษาเกี่ยวกับการกำเนิด และ วิวัฒนาการของเอกภพ หลักฐานที่เราได้จากคลื่นแม่ไมโครเวฟพื้นหลัง (Cosmic Microwave Background Radiation) ทำให้เชื่อว่าเอกภพที่เราอาศัยอยู่ ณ ขณะนี้ มีวิวัฒนาการมาจากการระเบิดครั้งใหญ่ที่เรียกว่า บิกแบง (Big Bang)
3.แนวคิดเรื่องเอกภพคู่ขนานในกลุ่มนี้ เป็นแนวคิดที่ได้มาจากทฤษฎีเส้นเชือก หรือ
String Theory ซึ่งเป็นทฤษฎีที่สร้างขึ้นมาเพื่อที่จะอธิบายธรรมชาติของแรงโน้มถ่วงในระดับพลังงานสูงๆ ก่อนอื่นต้องขออธิบายว่าในวิชาฟิสิกส์เราแบ่งแรงในธรรมชาติออกเป็น 4 ชนิด คือ
3.1แรงโน้มถ่วง ซึ่งเป็นแรงที่ดึงดูดมวลสารและพลังงานเข้าด้วยกัน เช่น แรงที่ดึงดูดดวงจันทร์เข้ากับโลกเป็นต้น
3.2แรงแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นแรงที่กระทำกับอนุภาคที่มีประจุ เช่น แรงที่ดูดอิเล็กตรอนให้วิ่งวนรอบนิวเคลียส เป็นแรงที่อยู่เบื้องหลังปฏิกิริยาเคมีทั้งหมด รวมถึงระบบประสาทในสิ่งมีชีวิต
3.3แรงนิวเคลียร์แบบอ่อน เป็นแรงที่เกิดในการสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสี และปฏิกิริยานิวเคลียร์บนดวงอาทิตย์เป็นต้น
3.4สี่แรงนิวเคลียร์แบบเข้ม เป็นแรงที่ดึงดูดอนุภาคควาร์ก ให้รวมกันอยู่ได้โปรตรอนและนิวตรอน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของอะตอม
***ปัจจุบันทฤษฎีที่เราใช้อธิบายแรงโน้มถ่วงคือ ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ซึ่งค้นพบโดย อัลเบอร์ต ไอน์สไตน์

ปัญหาใหญ่อีกอย่างของทฤษฎีเอกภพคู่ขนานคือ การทดสอบทฤษฎี โดยเฉพาะทฤษฎีที่ได้แรงบันดาลใจ มาจากทฤษฎีสตริง เพราะตามทฤษฎีแล้ว การที่จะเห็นมิติพิเศษอื่นๆที่มากกว่า 4 นั้น จะต้องอาศัยพลังงานสูงมากๆ และอาจจะต้องใช้เทคโนโลยี ที่สูงกว่าที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ดีนักฟิสิกส์หลายๆคนเชื่อว่า เราอาจจะตรวจพบสัญญาณจากมิติที่ห้า จากการทดลองโดยเครื่องเร่งอนุภาค Large Hadron Collider (LHC) ที่ห้องปฏิบัติการ CERN ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ นอกจากนี้แล้วการศึกษาคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่เรียกว่า
Cosmic Microwave Background (CMB) ก็อาจจะทดสอบทฤษฎี Bubble Universe ได้ว่าน่าเชื่อถือหรือไม่

วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2550

คู่ขนาน

คลังข้อความขนานคือข้อความต้นฉบับและข้อความภาษาอื่นๆ ที่แปลมาจากข้อความต้นฉบับ ในคลังข้อความขนานระบุส่วนตรงกันมีการระบุประโยคที่ตรงกันของคู่ข้อความที่ต่างภาษา ดังตัวอย่างในตารางด้านล่าง
ข้อความต้นฉบับภาษาอังกฤษ กับ ข้อความที่แปลเป็นภาษาไทย


แรงขนาน หมายถึงแรงที่มีทิศขนานกัน แรงขนานมี 2 ประเภท คือ
แรงขนานพวกเดียวกันคือแรงขนานที่มีทิศทางเดียวกัน
แรงขนานต่างพวกกันคือแรงขนานที่มีทิศทางตรงข้ามกัน

แบบทดสอบคู่ขนาน หมายถึง แบบทดสอบสองฉบับที่มีเนื้อหา ความยากง่าย อำนาจจำแนก คะแนนเฉลี่ย คะแนนเบี่ยงเบนมาตรฐานเหมือนกัน และจำนวนข้อเท่ากัน นำไปสอบกับกลุ่มตัวอย่างทั้งสองฉบับ แล้วหาค่าสหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนทั้งสองฉบับนี้ สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ที่คำนวณได้นี้ก็คือความเชื่อมั่นของแบบทดสอบนั่นเอง

เส้นขนาน คือ เส้นตรงสองเส้นที่อยู่บนระนาบเดียวกัน ไม่ตัดกัน และมีระยะห่างระหว่างเส้นทั้งสองเท่ากันเสมอ เส้นขนานอาจเป็นเส้นตรงหรือเส้นโค้งก็ได้ เช่น รางรถไฟ ขอบยางในรถยนต์

เส้นตรงที่ตั้งฉากกับเส้นตรงเดียวกันย่อมขนานกัน และเส้นตรงที่ขนานกับเส้นตรงเดียวกันย่อมขนานกัน

ทฤษฎีเรื่องเอกภพคู่ขนาน

http://www.vcharkarn.com/include/article/showarticle.php?Aid=313

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2550

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2550

ลองมองด้วยแว่นตา3มิติดู



ภาพที่ผมเห็นจากการมองด้วยแว่น3มิติ...ผมมองเห็นเป็นภาพดังนี้



เหตุผลที่เลือใช้แว่น3มิติในการมอง...เพราว่าผมได้มองไปยังการทำงานของระดับสายตาที่สามารถอ่านภาพจากจอ2จอและต่อกันในสมองเพื่อให้คนเรารู้ได้....การมองของสายตาไม่ใช่แค่วัดว่ามองภาพชัดได้แค่อย่างเดียว แต่สายตายังช่วยให้มองเห็นถึงระดับของความใกล้ไกลของวัตถุได้อีกด้วย...ไม่เชื่อลองปิดตาข้างเดียวแล้วลองทำอะไรดู และการที่ใช้กระดาษแก้ว2สีทำเลนส์แว่นตาดู ก็พบว่าคู่สีแดง-น้ำเงินเวิร์คกว่าคู่สีแดง-เขียว โดยยิ่งค่าความโปร่งแสงของตัวอักษรยิ่งน้อยเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมองเห็นตัวอักษรเพียงตัวเดียวมากยิ่งขึ้น ผมจึขอเลือกใช้คู่แดง-น้ำเงิน

งานคู่ขนาน




อันนี้ลองนำคำที่มีลักษณะเหมือนกัน โดยมีคำว่า ฉัน รัก เธอ ......ซึ่งเป็นปฏิกิริยาระหว่าง2บุคลคล้ายกับเส้นทางคู่ขานที่ลิขิตให้เขามาเจอกัน เมื่อมองเห็นสองสิ่งพร้อมกัน ฉันรักเธอและฉันก็รู้ว่าเธอรักฉัน เธอรักฉันและเธอก็รู้ว่าฉันรักเธอ ผลสรุปของงานออกแบบนี้จึงออกมาเป็นคำ2ประโยคถูกสร้างมาโดยใช้พจน์คล้ายๆกัน แต่จะเปลี่ยนตำแหน่งสลับกัน ซึ่งเกิดจากคำที่ใช้ระหว่างคนสองคน

คู่ขานของตัวอักษรเมื่อส่องกระจก




งานออกแบบตัวอักษรเมื่อนำตัวอักษรภาษาไทยไปส่องกระจกเพื่อตอบโจทย์ Sequenceแบบคู่ขนาน ซึ่งเป็นการสันนิษฐานว่าเมื่อเราสามารถมองเห็นคู่โลกขนานและโลกความจริง.....ในที่นี้เปรียบเป็นโลกเรากับโลกที่อยู่ในกระจก ว่าตัวอักษรที่เกิดขึ้นจากการมองเห็นพร้อมกันทั้งสองโลกจะเกิดอะไรขึ้น คล้ายกับทฤษฎีเห็นเงาสะท้อนจากในน้ำ

โดยในที่นี้จะยกก.ไก่มาเป็นตัวเริ่มต้นของการออกแบบเพราะก.ไก่เป็นพยัญชนะตัวแรกของอักษรไทย

วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2550

1.1นำSequenceของบุ๊คมาออกแบบ


-นำกระดาษมาตัดเป็นรูปลายก้นหอย โดยเนื้อที่กระดาฯเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าโดยตัดจากด้านนอก และตัดเข้าหาด้านใน ซึ่งรูปทรงที่ได้มาจะเป็นรูปเสมือนปิรามิด โดยสิ่งที่เราตัดครั้งแรกจะอยู่ด้านล่างสุดและสิ่งที่เราตัดครั้งสุทายจะเป็นแกนกลาง(ดังภาพ) เมื่อเรา



แบบที่1นำสิ่งที่เล็กที่สุดอยู่ข้างบนโดยยึดเอาหลักของก้นหอยและวงปี ที่ขนาดเล็กสุดจะอยู่ข้างบนหรือข้างใน โดยสิ่งที่ทำนี้เป็นแบบร่าง



แบบที่2ขนาดของทุกสิ่งจะเท่ากัน ซึ่งไม่เหมือนกับแบบแรก ดดยแบบที่2นี้จะอิงตามหลักของหนังสือที่ทุกหน้ามีขนาดเท่ากัน เวลามองจากทางไหนก็ตามแต่ จะเห็นสิ่งที่อยู่ข้างบนก่อน โดยสิ่งที่อยู่ข้างบนนี้จะเป็นสิ่งที่เริ่มไปสู่สิ่งที่สองและไปสูสิ่งอื่นเรื่อยๆตามลำดับ

Sequenceของบุ๊ค

พอดีผมได้เห็นงานของบุ๊คไปสอดคล้องกับบทความหนึ่ง ที่เกี่ยวกับฮวงจุ้ย จักรวาล และอะตอม

บทความนั้นกล่าวไว้ดังนี้......ในปรัชญาวิชาฮวงจุ้ยของจีนยังมีคำกล่าวที่สอดคล้องกันข้อความข้างต้น โดยพูดไว้ว่า “ทุกส่วนที่เล็กที่สุดเป็นตัวแทนที่สมบูรณ์ของจักรวาล” เราดูตัวอย่างง่ายๆ โดยสิ่งที่ใหญ่ที่สุดก็คือตัวจักรวาลเอง มีดวงอาทิตย์อยู่ตรงกลาง และมีดาวเคราะห์ต่างๆโคจรล้อมรอบ ส่วนสิ่งที่เล็กที่สุด ก็คือ อะตอม ซึ่งมีอิเล็คตรอนเป็นจำนวนมากหมุนรอบโปรตอนที่เป็นแกนกลาง จะสังเกตได้ว่ามีโครงสร้างหน้าตาที่เหมือนกัน

อิเล็กตรอนจะมีลักษณะการวิ่งหมุนแบบวนซ้าย เมื่ออะตอมเกาะกลุ่มรวมตัวกันเป็นโมเลกุล โครงสร้างที่เกิดขึ้นก็เวียนซ้ายด้วย เมื่อประกอบรวมกันกลายเป็นสสาร จึงได้มีรูปแบบที่วนซ้ายไปด้วย ดังเช่น เมื่อประกอบขึ้นมาเป็นยีนหรือดีเอนเอในร่างกาย เส้นดีเอนเอทั้งหมดก็จะพันกันเป็นเกลียวแบบเวียนซ้าย โดยมนุษย์เราได้ยีนหนึ่งชุดจากพ่อและอีกชุดหนึ่งจากแม่มาผสมกัน ตัวดีเอนเอ จะพันกันเป็นเกลียวก่อตัวเจริญเติบโตขยายตัวเป็นอวัยวะต่างๆ สร้างขึ้นมาเป็นร่างกายของเรา ระบบกล้ามเนื้อและอวัยวะต่าง ๆ ก็มีลักษณะในการวนซ้าย ดังจะสังเกตว่า หัวใจซึ่งเป็นจุดตั้งต้นของระบบเลือดจะอยู่ซีกซ้ายส่งเลือดไปทางขวา ส่วนกระเพาะอาหารซึ่งเป็นจุดตั้งต้นของระบบย่อยก็จะอยู่ด้านซ้าย เมื่อเชื่อมต่อไปยังลำไส้เล็ก ก็มีการขดเวียนจากซ้ายไปขวาตามเข็มนาฬิกาเช่นเดียวกัน
ลองสังเกตลายเส้นขนบนตัวของท่านก็หมุนวนเป็นวงกลมจากซ้ายไปขวา
ขึ้นมาจนถึงจุดสุดยอดตรงขวัญบนศีรษะ นี่คือลายของพลังงานเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีขวัญ และคนร้อยละ 80-90 ทั่วโลกขวัญจะวนซ้ายไปขวาเสมอ

รวมไปถึงลายก้นหอยบนนิ้วมือก็จะวนซ้ายเสมอเวลาไปเที่ยวทะเลคุณสังเกตดู หอยเกือบทุกตัวในโลกก้นหอยจะวนซ้าย นานๆจะเจอแบบที่วนขวาในสมัยโบราณถ้าพบหอยสังข์ที่ก้นหมุนวนขวาเมื่อไหร่เขาถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะเอาไปถวายในหลวงเพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุมงคลในงานพระราชพิธีต่าง ๆ เพราะเชื่อว่ามีพลังพิเศษสามารถหมุนต้านพลังจักรวาลของโลกได้

โดยสิ่งต่างๆที่จะนำไปออกแบบก็คือลายก้นหอย ซึ่งเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับงานของบุ๊คได้ดี

ซึ่งในสิ่งต่างๆรอบตัวก็มีลายก้นหอยอยู่ เช่น ลายนิ้วมือ,ขวัญบนศีรษะ,วงปี,....,วงโคจรของดาวเคราะห์,จักรวาล