วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2550
ทำลองคู่ขนาน
คู่ขนานแบบความน่าจะเป็นในทฤษฏีของQuantum parallel universe
เมื่อนำทฤษฏีนี้มาใช้กับแผนที่ม.กรุงเทพ...จะหมายถึงการเลือกหรือความน่าจะเป็นว่ามีกี่วิธี
ชุดแรกเป็นวิธีของการเดินตามทาง(ถนน)โดยห้ามเดินทางย้อนกลับมาทางที่เคยเดินไปแล้ว
1.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
2.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก3-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
3.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
4.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
เมื่อลองคิดนอกกรอบ...การเดินทางไปทางไหนก็ได้โดยไม่เดินซ้ำกับเส้นทางที่เคยเดินมาแล้ว
ซึ่งจะได้วิธีอีกหลายวิธี เช่น
5.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
6.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
7.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ผ่านตึก11-ผ่านตึก12-ไปถึงหอสมุด
8.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ผ่านตึก11-ผ่านตึก12-ไปถึงหอสมุด
9.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ผ่านตึก11-ผ่านตึก12-ไปถึงหอสมุด
10.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ผ่านตึก11-ผ่านตึก12-ไปถึงหอสมุด
11.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ไปถึงหอสมุด
12.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ไปถึงหอสมุด
13.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ผ่านตึก11-ผ่านตึก12-ไปถึงหอสมุด
สรุปการทดลอง
-เป็นระบบSequenceที่มีจุดเริ่มและจุดจบเดียวกัน(มีทางเข้าทางเดียวและทางออกทางเดียว)
-มีการจัดเรียงที่ไม่เหมือนกัน โดยอาจมีการสลับของSequenceบางพจน์ได้
-จำนวนของSequenceอาจไม่เท่ากันก้อได้
-มีการกำหนดให้บางตัวต้องตามบางตัวเท่านั้น หรือตามด้วยตัวไหนก็ได้
-การทดลองนี้เป็นการทดลองที่ใช้ชื่อของตึกตั้งแต่ตึก1-12มาใช้เพื่อให้เกิดความเข้าใจง่าย
-การทดลองนี้ไม่ใช่การทดลองที่สมบูรณ์แต่เเป็นการหยิบบางส่วนมาชี้ เพื่อตอบโจทย์แบบคู่ขนานแบบQuantum
สรุปงานทดลองที่จะเกิดขึ้น
-มีลักษณะคล้ายตัวอย่างดังกล่าว โดยนำการเชื่อมโยง การสลับ ความน่าจะเป็นมาใช้ในงานออกแบบ
ป้ายกำกับ:
Communication Design 5
สรุปคู่ขนาน
1.ขนานทางคณิตศาสตร์
- มีตั้งแต่2กลุ่มขึ้นไป
- เมื่อลากเส้นตัดที่90องศา เส้นต้องตั้งฉากกันทั้งหมด
- เหมือนหรือไม่เหมือนก็ได้
- เส้นจะยาวเท่ากันหรือไม่เท่ากันก็ได้
- ต้องอยู่บนระนาบเดียวกัน
- ช่องว่าระหว่าเส้นต้องเท่ากันเสมอ
- อาจเป็นเส้นตรงหรือเส้นโค้งก็ได้
2.ขนานทางปรัชญา...จะเป็นความรู้สึกของการใช้คำว่าคู่ขนาน เช่น พรรคการเมืองคู่ขนาน(น่าจะหมายถึงพรรคการเมืองที่มีความคิดเห็นที่ไม่สามารถบรรจบกันได้) อาจเป็นความหมายของคูขนานในเชิงลบ
สรุปทฤษฏีคู่ขนาน ของดร. อรรถกฤต ฉัตรภูติ
1. Quantum parallel universe ซึ่งกล่าวว่าอาจจะมีเอกภพอื่นๆ ซึ่งมี กฎทางฟิสิกส์ และ ค่าคงที่ต่างๆเหมือนกับเอกภพที่เราอยู่ทุกประการ แต่อาจจะอยู่ในสถานะที่ต่างกัน และ เอกภพคู่ขนานเหล่านี้ไม่สามารถที่จะติดต่อกันได้ ในโลกของควอนตัมซึ่งเป็นโลกของความน่าจะเป็น สถานะที่ต่างกันออกไป ในแต่ละเอกภพจะสัมพันธกัน โดยกระบวนการทางควอนตัมที่เรียกว่า Quantum superposition และ ความสัมพันธ์นี้จะสิ้นสุดลง เมื่อมีการเลือกทางใดทางหนึ่งของความน่าจะเป็นนั้น ซึ่งหลังจากที่มีการเลือกเกิดขึ้นแล้ว เอกภพคู่ขนานทั้งสองจะไม่สัมพันธ์กันอีกเลย....มีความน่าจะเป็น เมื่อความน่าจะเป็นเกิดขึ้น เอกภพคู่ขนานทั้งจะไม่สัมพันธ์กันอีกเลย
2. Inflation multi-universes เป็นแนวคิดที่พัฒนามาจากการศึกษาจักรวาลวิทยา (cosmology) หรือ การศึกษาเกี่ยวกับการกำเนิด และ วิวัฒนาการของเอกภพ หลักฐานที่เราได้จากคลื่นแม่ไมโครเวฟพื้นหลัง (Cosmic Microwave Background Radiation) ทำให้เชื่อว่าเอกภพที่เราอาศัยอยู่ ณ ขณะนี้ มีวิวัฒนาการมาจากการระเบิดครั้งใหญ่ที่เรียกว่า บิกแบง (Big Bang)
3.แนวคิดเรื่องเอกภพคู่ขนานในกลุ่มนี้ เป็นแนวคิดที่ได้มาจากทฤษฎีเส้นเชือก หรือ
String Theory ซึ่งเป็นทฤษฎีที่สร้างขึ้นมาเพื่อที่จะอธิบายธรรมชาติของแรงโน้มถ่วงในระดับพลังงานสูงๆ ก่อนอื่นต้องขออธิบายว่าในวิชาฟิสิกส์เราแบ่งแรงในธรรมชาติออกเป็น 4 ชนิด คือ
3.1แรงโน้มถ่วง ซึ่งเป็นแรงที่ดึงดูดมวลสารและพลังงานเข้าด้วยกัน เช่น แรงที่ดึงดูดดวงจันทร์เข้ากับโลกเป็นต้น
3.2แรงแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นแรงที่กระทำกับอนุภาคที่มีประจุ เช่น แรงที่ดูดอิเล็กตรอนให้วิ่งวนรอบนิวเคลียส เป็นแรงที่อยู่เบื้องหลังปฏิกิริยาเคมีทั้งหมด รวมถึงระบบประสาทในสิ่งมีชีวิต
3.3แรงนิวเคลียร์แบบอ่อน เป็นแรงที่เกิดในการสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสี และปฏิกิริยานิวเคลียร์บนดวงอาทิตย์เป็นต้น
3.4สี่แรงนิวเคลียร์แบบเข้ม เป็นแรงที่ดึงดูดอนุภาคควาร์ก ให้รวมกันอยู่ได้โปรตรอนและนิวตรอน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของอะตอม
***ปัจจุบันทฤษฎีที่เราใช้อธิบายแรงโน้มถ่วงคือ ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ซึ่งค้นพบโดย อัลเบอร์ต ไอน์สไตน์
ปัญหาใหญ่อีกอย่างของทฤษฎีเอกภพคู่ขนานคือ การทดสอบทฤษฎี โดยเฉพาะทฤษฎีที่ได้แรงบันดาลใจ มาจากทฤษฎีสตริง เพราะตามทฤษฎีแล้ว การที่จะเห็นมิติพิเศษอื่นๆที่มากกว่า 4 นั้น จะต้องอาศัยพลังงานสูงมากๆ และอาจจะต้องใช้เทคโนโลยี ที่สูงกว่าที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ดีนักฟิสิกส์หลายๆคนเชื่อว่า เราอาจจะตรวจพบสัญญาณจากมิติที่ห้า จากการทดลองโดยเครื่องเร่งอนุภาค Large Hadron Collider (LHC) ที่ห้องปฏิบัติการ CERN ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ นอกจากนี้แล้วการศึกษาคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่เรียกว่า
Cosmic Microwave Background (CMB) ก็อาจจะทดสอบทฤษฎี Bubble Universe ได้ว่าน่าเชื่อถือหรือไม่
- มีตั้งแต่2กลุ่มขึ้นไป
- เมื่อลากเส้นตัดที่90องศา เส้นต้องตั้งฉากกันทั้งหมด
- เหมือนหรือไม่เหมือนก็ได้
- เส้นจะยาวเท่ากันหรือไม่เท่ากันก็ได้
- ต้องอยู่บนระนาบเดียวกัน
- ช่องว่าระหว่าเส้นต้องเท่ากันเสมอ
- อาจเป็นเส้นตรงหรือเส้นโค้งก็ได้
2.ขนานทางปรัชญา...จะเป็นความรู้สึกของการใช้คำว่าคู่ขนาน เช่น พรรคการเมืองคู่ขนาน(น่าจะหมายถึงพรรคการเมืองที่มีความคิดเห็นที่ไม่สามารถบรรจบกันได้) อาจเป็นความหมายของคูขนานในเชิงลบ
สรุปทฤษฏีคู่ขนาน ของดร. อรรถกฤต ฉัตรภูติ
1. Quantum parallel universe ซึ่งกล่าวว่าอาจจะมีเอกภพอื่นๆ ซึ่งมี กฎทางฟิสิกส์ และ ค่าคงที่ต่างๆเหมือนกับเอกภพที่เราอยู่ทุกประการ แต่อาจจะอยู่ในสถานะที่ต่างกัน และ เอกภพคู่ขนานเหล่านี้ไม่สามารถที่จะติดต่อกันได้ ในโลกของควอนตัมซึ่งเป็นโลกของความน่าจะเป็น สถานะที่ต่างกันออกไป ในแต่ละเอกภพจะสัมพันธกัน โดยกระบวนการทางควอนตัมที่เรียกว่า Quantum superposition และ ความสัมพันธ์นี้จะสิ้นสุดลง เมื่อมีการเลือกทางใดทางหนึ่งของความน่าจะเป็นนั้น ซึ่งหลังจากที่มีการเลือกเกิดขึ้นแล้ว เอกภพคู่ขนานทั้งสองจะไม่สัมพันธ์กันอีกเลย....มีความน่าจะเป็น เมื่อความน่าจะเป็นเกิดขึ้น เอกภพคู่ขนานทั้งจะไม่สัมพันธ์กันอีกเลย
2. Inflation multi-universes เป็นแนวคิดที่พัฒนามาจากการศึกษาจักรวาลวิทยา (cosmology) หรือ การศึกษาเกี่ยวกับการกำเนิด และ วิวัฒนาการของเอกภพ หลักฐานที่เราได้จากคลื่นแม่ไมโครเวฟพื้นหลัง (Cosmic Microwave Background Radiation) ทำให้เชื่อว่าเอกภพที่เราอาศัยอยู่ ณ ขณะนี้ มีวิวัฒนาการมาจากการระเบิดครั้งใหญ่ที่เรียกว่า บิกแบง (Big Bang)
3.แนวคิดเรื่องเอกภพคู่ขนานในกลุ่มนี้ เป็นแนวคิดที่ได้มาจากทฤษฎีเส้นเชือก หรือ
String Theory ซึ่งเป็นทฤษฎีที่สร้างขึ้นมาเพื่อที่จะอธิบายธรรมชาติของแรงโน้มถ่วงในระดับพลังงานสูงๆ ก่อนอื่นต้องขออธิบายว่าในวิชาฟิสิกส์เราแบ่งแรงในธรรมชาติออกเป็น 4 ชนิด คือ
3.1แรงโน้มถ่วง ซึ่งเป็นแรงที่ดึงดูดมวลสารและพลังงานเข้าด้วยกัน เช่น แรงที่ดึงดูดดวงจันทร์เข้ากับโลกเป็นต้น
3.2แรงแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นแรงที่กระทำกับอนุภาคที่มีประจุ เช่น แรงที่ดูดอิเล็กตรอนให้วิ่งวนรอบนิวเคลียส เป็นแรงที่อยู่เบื้องหลังปฏิกิริยาเคมีทั้งหมด รวมถึงระบบประสาทในสิ่งมีชีวิต
3.3แรงนิวเคลียร์แบบอ่อน เป็นแรงที่เกิดในการสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสี และปฏิกิริยานิวเคลียร์บนดวงอาทิตย์เป็นต้น
3.4สี่แรงนิวเคลียร์แบบเข้ม เป็นแรงที่ดึงดูดอนุภาคควาร์ก ให้รวมกันอยู่ได้โปรตรอนและนิวตรอน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของอะตอม
***ปัจจุบันทฤษฎีที่เราใช้อธิบายแรงโน้มถ่วงคือ ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ซึ่งค้นพบโดย อัลเบอร์ต ไอน์สไตน์
ปัญหาใหญ่อีกอย่างของทฤษฎีเอกภพคู่ขนานคือ การทดสอบทฤษฎี โดยเฉพาะทฤษฎีที่ได้แรงบันดาลใจ มาจากทฤษฎีสตริง เพราะตามทฤษฎีแล้ว การที่จะเห็นมิติพิเศษอื่นๆที่มากกว่า 4 นั้น จะต้องอาศัยพลังงานสูงมากๆ และอาจจะต้องใช้เทคโนโลยี ที่สูงกว่าที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ดีนักฟิสิกส์หลายๆคนเชื่อว่า เราอาจจะตรวจพบสัญญาณจากมิติที่ห้า จากการทดลองโดยเครื่องเร่งอนุภาค Large Hadron Collider (LHC) ที่ห้องปฏิบัติการ CERN ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ นอกจากนี้แล้วการศึกษาคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่เรียกว่า
Cosmic Microwave Background (CMB) ก็อาจจะทดสอบทฤษฎี Bubble Universe ได้ว่าน่าเชื่อถือหรือไม่
ป้ายกำกับ:
Communication Design 5
วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2550
คู่ขนาน
คลังข้อความขนานคือข้อความต้นฉบับและข้อความภาษาอื่นๆ ที่แปลมาจากข้อความต้นฉบับ ในคลังข้อความขนานระบุส่วนตรงกันมีการระบุประโยคที่ตรงกันของคู่ข้อความที่ต่างภาษา ดังตัวอย่างในตารางด้านล่าง
ข้อความต้นฉบับภาษาอังกฤษ กับ ข้อความที่แปลเป็นภาษาไทย
แรงขนาน หมายถึงแรงที่มีทิศขนานกัน แรงขนานมี 2 ประเภท คือ
แรงขนานพวกเดียวกันคือแรงขนานที่มีทิศทางเดียวกัน
แรงขนานต่างพวกกันคือแรงขนานที่มีทิศทางตรงข้ามกัน
แบบทดสอบคู่ขนาน หมายถึง แบบทดสอบสองฉบับที่มีเนื้อหา ความยากง่าย อำนาจจำแนก คะแนนเฉลี่ย คะแนนเบี่ยงเบนมาตรฐานเหมือนกัน และจำนวนข้อเท่ากัน นำไปสอบกับกลุ่มตัวอย่างทั้งสองฉบับ แล้วหาค่าสหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนทั้งสองฉบับนี้ สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ที่คำนวณได้นี้ก็คือความเชื่อมั่นของแบบทดสอบนั่นเอง
เส้นขนาน คือ เส้นตรงสองเส้นที่อยู่บนระนาบเดียวกัน ไม่ตัดกัน และมีระยะห่างระหว่างเส้นทั้งสองเท่ากันเสมอ เส้นขนานอาจเป็นเส้นตรงหรือเส้นโค้งก็ได้ เช่น รางรถไฟ ขอบยางในรถยนต์
เส้นตรงที่ตั้งฉากกับเส้นตรงเดียวกันย่อมขนานกัน และเส้นตรงที่ขนานกับเส้นตรงเดียวกันย่อมขนานกัน
ข้อความต้นฉบับภาษาอังกฤษ กับ ข้อความที่แปลเป็นภาษาไทย
แรงขนาน หมายถึงแรงที่มีทิศขนานกัน แรงขนานมี 2 ประเภท คือ
แรงขนานพวกเดียวกันคือแรงขนานที่มีทิศทางเดียวกัน
แรงขนานต่างพวกกันคือแรงขนานที่มีทิศทางตรงข้ามกัน
แบบทดสอบคู่ขนาน หมายถึง แบบทดสอบสองฉบับที่มีเนื้อหา ความยากง่าย อำนาจจำแนก คะแนนเฉลี่ย คะแนนเบี่ยงเบนมาตรฐานเหมือนกัน และจำนวนข้อเท่ากัน นำไปสอบกับกลุ่มตัวอย่างทั้งสองฉบับ แล้วหาค่าสหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนทั้งสองฉบับนี้ สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ที่คำนวณได้นี้ก็คือความเชื่อมั่นของแบบทดสอบนั่นเอง
เส้นขนาน คือ เส้นตรงสองเส้นที่อยู่บนระนาบเดียวกัน ไม่ตัดกัน และมีระยะห่างระหว่างเส้นทั้งสองเท่ากันเสมอ เส้นขนานอาจเป็นเส้นตรงหรือเส้นโค้งก็ได้ เช่น รางรถไฟ ขอบยางในรถยนต์
เส้นตรงที่ตั้งฉากกับเส้นตรงเดียวกันย่อมขนานกัน และเส้นตรงที่ขนานกับเส้นตรงเดียวกันย่อมขนานกัน
วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2550
วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2550
ลองมองด้วยแว่นตา3มิติดู
ภาพที่ผมเห็นจากการมองด้วยแว่น3มิติ...ผมมองเห็นเป็นภาพดังนี้
เหตุผลที่เลือใช้แว่น3มิติในการมอง...เพราว่าผมได้มองไปยังการทำงานของระดับสายตาที่สามารถอ่านภาพจากจอ2จอและต่อกันในสมองเพื่อให้คนเรารู้ได้....การมองของสายตาไม่ใช่แค่วัดว่ามองภาพชัดได้แค่อย่างเดียว แต่สายตายังช่วยให้มองเห็นถึงระดับของความใกล้ไกลของวัตถุได้อีกด้วย...ไม่เชื่อลองปิดตาข้างเดียวแล้วลองทำอะไรดู และการที่ใช้กระดาษแก้ว2สีทำเลนส์แว่นตาดู ก็พบว่าคู่สีแดง-น้ำเงินเวิร์คกว่าคู่สีแดง-เขียว โดยยิ่งค่าความโปร่งแสงของตัวอักษรยิ่งน้อยเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมองเห็นตัวอักษรเพียงตัวเดียวมากยิ่งขึ้น ผมจึขอเลือกใช้คู่แดง-น้ำเงิน
งานคู่ขนาน
อันนี้ลองนำคำที่มีลักษณะเหมือนกัน โดยมีคำว่า ฉัน รัก เธอ ......ซึ่งเป็นปฏิกิริยาระหว่าง2บุคลคล้ายกับเส้นทางคู่ขานที่ลิขิตให้เขามาเจอกัน เมื่อมองเห็นสองสิ่งพร้อมกัน ฉันรักเธอและฉันก็รู้ว่าเธอรักฉัน เธอรักฉันและเธอก็รู้ว่าฉันรักเธอ ผลสรุปของงานออกแบบนี้จึงออกมาเป็นคำ2ประโยคถูกสร้างมาโดยใช้พจน์คล้ายๆกัน แต่จะเปลี่ยนตำแหน่งสลับกัน ซึ่งเกิดจากคำที่ใช้ระหว่างคนสองคน
ป้ายกำกับ:
Communication Design 5
คู่ขานของตัวอักษรเมื่อส่องกระจก
งานออกแบบตัวอักษรเมื่อนำตัวอักษรภาษาไทยไปส่องกระจกเพื่อตอบโจทย์ Sequenceแบบคู่ขนาน ซึ่งเป็นการสันนิษฐานว่าเมื่อเราสามารถมองเห็นคู่โลกขนานและโลกความจริง.....ในที่นี้เปรียบเป็นโลกเรากับโลกที่อยู่ในกระจก ว่าตัวอักษรที่เกิดขึ้นจากการมองเห็นพร้อมกันทั้งสองโลกจะเกิดอะไรขึ้น คล้ายกับทฤษฎีเห็นเงาสะท้อนจากในน้ำ
โดยในที่นี้จะยกก.ไก่มาเป็นตัวเริ่มต้นของการออกแบบเพราะก.ไก่เป็นพยัญชนะตัวแรกของอักษรไทย
ป้ายกำกับ:
Communication Design 5
วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2550
1.1นำSequenceของบุ๊คมาออกแบบ
-นำกระดาษมาตัดเป็นรูปลายก้นหอย โดยเนื้อที่กระดาฯเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าโดยตัดจากด้านนอก และตัดเข้าหาด้านใน ซึ่งรูปทรงที่ได้มาจะเป็นรูปเสมือนปิรามิด โดยสิ่งที่เราตัดครั้งแรกจะอยู่ด้านล่างสุดและสิ่งที่เราตัดครั้งสุทายจะเป็นแกนกลาง(ดังภาพ) เมื่อเรา
แบบที่1นำสิ่งที่เล็กที่สุดอยู่ข้างบนโดยยึดเอาหลักของก้นหอยและวงปี ที่ขนาดเล็กสุดจะอยู่ข้างบนหรือข้างใน โดยสิ่งที่ทำนี้เป็นแบบร่าง
แบบที่2ขนาดของทุกสิ่งจะเท่ากัน ซึ่งไม่เหมือนกับแบบแรก ดดยแบบที่2นี้จะอิงตามหลักของหนังสือที่ทุกหน้ามีขนาดเท่ากัน เวลามองจากทางไหนก็ตามแต่ จะเห็นสิ่งที่อยู่ข้างบนก่อน โดยสิ่งที่อยู่ข้างบนนี้จะเป็นสิ่งที่เริ่มไปสู่สิ่งที่สองและไปสูสิ่งอื่นเรื่อยๆตามลำดับ
ป้ายกำกับ:
Communication Design 5
Sequenceของบุ๊ค
พอดีผมได้เห็นงานของบุ๊คไปสอดคล้องกับบทความหนึ่ง ที่เกี่ยวกับฮวงจุ้ย จักรวาล และอะตอม
บทความนั้นกล่าวไว้ดังนี้......ในปรัชญาวิชาฮวงจุ้ยของจีนยังมีคำกล่าวที่สอดคล้องกันข้อความข้างต้น โดยพูดไว้ว่า “ทุกส่วนที่เล็กที่สุดเป็นตัวแทนที่สมบูรณ์ของจักรวาล” เราดูตัวอย่างง่ายๆ โดยสิ่งที่ใหญ่ที่สุดก็คือตัวจักรวาลเอง มีดวงอาทิตย์อยู่ตรงกลาง และมีดาวเคราะห์ต่างๆโคจรล้อมรอบ ส่วนสิ่งที่เล็กที่สุด ก็คือ อะตอม ซึ่งมีอิเล็คตรอนเป็นจำนวนมากหมุนรอบโปรตอนที่เป็นแกนกลาง จะสังเกตได้ว่ามีโครงสร้างหน้าตาที่เหมือนกัน
อิเล็กตรอนจะมีลักษณะการวิ่งหมุนแบบวนซ้าย เมื่ออะตอมเกาะกลุ่มรวมตัวกันเป็นโมเลกุล โครงสร้างที่เกิดขึ้นก็เวียนซ้ายด้วย เมื่อประกอบรวมกันกลายเป็นสสาร จึงได้มีรูปแบบที่วนซ้ายไปด้วย ดังเช่น เมื่อประกอบขึ้นมาเป็นยีนหรือดีเอนเอในร่างกาย เส้นดีเอนเอทั้งหมดก็จะพันกันเป็นเกลียวแบบเวียนซ้าย โดยมนุษย์เราได้ยีนหนึ่งชุดจากพ่อและอีกชุดหนึ่งจากแม่มาผสมกัน ตัวดีเอนเอ จะพันกันเป็นเกลียวก่อตัวเจริญเติบโตขยายตัวเป็นอวัยวะต่างๆ สร้างขึ้นมาเป็นร่างกายของเรา ระบบกล้ามเนื้อและอวัยวะต่าง ๆ ก็มีลักษณะในการวนซ้าย ดังจะสังเกตว่า หัวใจซึ่งเป็นจุดตั้งต้นของระบบเลือดจะอยู่ซีกซ้ายส่งเลือดไปทางขวา ส่วนกระเพาะอาหารซึ่งเป็นจุดตั้งต้นของระบบย่อยก็จะอยู่ด้านซ้าย เมื่อเชื่อมต่อไปยังลำไส้เล็ก ก็มีการขดเวียนจากซ้ายไปขวาตามเข็มนาฬิกาเช่นเดียวกัน
ลองสังเกตลายเส้นขนบนตัวของท่านก็หมุนวนเป็นวงกลมจากซ้ายไปขวา
ขึ้นมาจนถึงจุดสุดยอดตรงขวัญบนศีรษะ นี่คือลายของพลังงานเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีขวัญ และคนร้อยละ 80-90 ทั่วโลกขวัญจะวนซ้ายไปขวาเสมอ
รวมไปถึงลายก้นหอยบนนิ้วมือก็จะวนซ้ายเสมอเวลาไปเที่ยวทะเลคุณสังเกตดู หอยเกือบทุกตัวในโลกก้นหอยจะวนซ้าย นานๆจะเจอแบบที่วนขวาในสมัยโบราณถ้าพบหอยสังข์ที่ก้นหมุนวนขวาเมื่อไหร่เขาถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะเอาไปถวายในหลวงเพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุมงคลในงานพระราชพิธีต่าง ๆ เพราะเชื่อว่ามีพลังพิเศษสามารถหมุนต้านพลังจักรวาลของโลกได้
โดยสิ่งต่างๆที่จะนำไปออกแบบก็คือลายก้นหอย ซึ่งเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับงานของบุ๊คได้ดี
ซึ่งในสิ่งต่างๆรอบตัวก็มีลายก้นหอยอยู่ เช่น ลายนิ้วมือ,ขวัญบนศีรษะ,วงปี,....,วงโคจรของดาวเคราะห์,จักรวาล
บทความนั้นกล่าวไว้ดังนี้......ในปรัชญาวิชาฮวงจุ้ยของจีนยังมีคำกล่าวที่สอดคล้องกันข้อความข้างต้น โดยพูดไว้ว่า “ทุกส่วนที่เล็กที่สุดเป็นตัวแทนที่สมบูรณ์ของจักรวาล” เราดูตัวอย่างง่ายๆ โดยสิ่งที่ใหญ่ที่สุดก็คือตัวจักรวาลเอง มีดวงอาทิตย์อยู่ตรงกลาง และมีดาวเคราะห์ต่างๆโคจรล้อมรอบ ส่วนสิ่งที่เล็กที่สุด ก็คือ อะตอม ซึ่งมีอิเล็คตรอนเป็นจำนวนมากหมุนรอบโปรตอนที่เป็นแกนกลาง จะสังเกตได้ว่ามีโครงสร้างหน้าตาที่เหมือนกัน
อิเล็กตรอนจะมีลักษณะการวิ่งหมุนแบบวนซ้าย เมื่ออะตอมเกาะกลุ่มรวมตัวกันเป็นโมเลกุล โครงสร้างที่เกิดขึ้นก็เวียนซ้ายด้วย เมื่อประกอบรวมกันกลายเป็นสสาร จึงได้มีรูปแบบที่วนซ้ายไปด้วย ดังเช่น เมื่อประกอบขึ้นมาเป็นยีนหรือดีเอนเอในร่างกาย เส้นดีเอนเอทั้งหมดก็จะพันกันเป็นเกลียวแบบเวียนซ้าย โดยมนุษย์เราได้ยีนหนึ่งชุดจากพ่อและอีกชุดหนึ่งจากแม่มาผสมกัน ตัวดีเอนเอ จะพันกันเป็นเกลียวก่อตัวเจริญเติบโตขยายตัวเป็นอวัยวะต่างๆ สร้างขึ้นมาเป็นร่างกายของเรา ระบบกล้ามเนื้อและอวัยวะต่าง ๆ ก็มีลักษณะในการวนซ้าย ดังจะสังเกตว่า หัวใจซึ่งเป็นจุดตั้งต้นของระบบเลือดจะอยู่ซีกซ้ายส่งเลือดไปทางขวา ส่วนกระเพาะอาหารซึ่งเป็นจุดตั้งต้นของระบบย่อยก็จะอยู่ด้านซ้าย เมื่อเชื่อมต่อไปยังลำไส้เล็ก ก็มีการขดเวียนจากซ้ายไปขวาตามเข็มนาฬิกาเช่นเดียวกัน
ลองสังเกตลายเส้นขนบนตัวของท่านก็หมุนวนเป็นวงกลมจากซ้ายไปขวา
ขึ้นมาจนถึงจุดสุดยอดตรงขวัญบนศีรษะ นี่คือลายของพลังงานเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีขวัญ และคนร้อยละ 80-90 ทั่วโลกขวัญจะวนซ้ายไปขวาเสมอ
รวมไปถึงลายก้นหอยบนนิ้วมือก็จะวนซ้ายเสมอเวลาไปเที่ยวทะเลคุณสังเกตดู หอยเกือบทุกตัวในโลกก้นหอยจะวนซ้าย นานๆจะเจอแบบที่วนขวาในสมัยโบราณถ้าพบหอยสังข์ที่ก้นหมุนวนขวาเมื่อไหร่เขาถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะเอาไปถวายในหลวงเพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุมงคลในงานพระราชพิธีต่าง ๆ เพราะเชื่อว่ามีพลังพิเศษสามารถหมุนต้านพลังจักรวาลของโลกได้
โดยสิ่งต่างๆที่จะนำไปออกแบบก็คือลายก้นหอย ซึ่งเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับงานของบุ๊คได้ดี
ซึ่งในสิ่งต่างๆรอบตัวก็มีลายก้นหอยอยู่ เช่น ลายนิ้วมือ,ขวัญบนศีรษะ,วงปี,....,วงโคจรของดาวเคราะห์,จักรวาล
ป้ายกำกับ:
Communication Design 5
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)