วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2550

รูปวาดเล่นๆ ตอนทำโปรเจค



ถ้าหากลงสีแล้วเดี๋ยวจะอัพมาให้ดูนะครับ รอคอยอีกซักพัก

ผมถนัดพวกวาดภาพประกอบมากกว่า อุอุ ในDegree Project ผมได้ทำเรื่องการ์ดเกม ถาพประกอบก็จะเป็นแบบนี้ แต่มีการลงสีมากกว่านี้
(บอกแล้วไงว่าเสร็จจะอัพมาให้)

Final Project Communication Design 5 (แก้ไข)

หลังจากในวันที่7ตุลาคม ผมได้ไปแก้ไขงานเพิ่มเติม ในส่วนนี้ผมแก้ไขทั้งหมดให้ดูน่าสนใจมากขึ้น




ขออภัยที่ส่งบล็อกช้า............จากคำวจารณ์และคำบอกเล่าของเพื่อนเพื่อน ผมได้แก้ไขในเรื่องของตัวเองและผลงานมากขึ้น
Communication Design5 ทำให้ผมทำอะไรที่ผมไม่เคยทำ และได้ให้ผมพิสูจน์ตัวเอง ผมได้เข้าใจในรายละเอียดของวิชานี้มากขึ้น
ผมพยามเข้าใจและได้รู้แจ้งในเรื่องบางส่วนจนผลักดันโปรเจคของผมให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ต่อไปนี้ผมจะเอาใจใส่กับงานมากขึ้น










(ตัวอย่างโปสเตอร์)

Sequence คู่ขนาน
ในทฤษฎีของ Quantum ที่ว่าด้วยโลกคู่ขนาน
ทฤษฎีของโลกคู่ขนานนี้เกี่ยวข้องกับทฤษฎีความน่าจะเป็นโดยจะมีตัวให้เลือกคล้ายกับการเสี่ยงสุ่มโดยหน้าของลูกเต๋าว่าจะออกหน้าอะไร ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบให้เกิดสิ่งใหม่ในขั้นตอนถัดไป โดยสิ่งนี้อาจมีจุดเริ่มเหมือนกันแต่จุดจบไม่เหมือนกัน และสามารถเกิดต่อไปได้เรื่อยๆอีก ซึ่งจะมีจุดจบ หรือไม่มีก็ได้

เลือกการพับกระดาษมาเป็นสื่อของSequenceคู่ขนาน โดยจะมีการเลือกที่จะพับว่าจะพับไปข้างหน้าหรือข้างหลังโดยใช้กระดาษด้านหนึ่งเป็นสีขาวและอีกด้านหนึ่งเป็นสีดำ เมื่อพับกระดาษแล้วรูปทรงของกระดาษจะแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้พับ


งานเก่ารูปถ่ายหายครับ เดี๋ยวผมจะจัดแจงอัพใหม่โดยเร็วที่สุดครับ เอางานแก้ไปดูก่อนนะครับ ของคุณที่ชมครับ

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2550

การพับ


พับนก

พับมังกร....อันนี้ไม่มีวิธีการพับ

พับเลข8

พับคุณช้าง

พับเค้ก


ได้ไปลองดูวิธีการพับของญี่ปุ่นที่เกิดจากกระดาษแผ่นเดียว
รูปทรงของกระดาษก่อนที่จะพับเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสทั้งหมด
ญี่ปุ่นเป็นชนชาติที่ควรได้รับการยกย่องในหลายหลายๆด้าน เพราะมีไอเดียแปลกๆจึงอยากนำมาเสนอให้ได้ชมกัน

ซึ่งจะเห็นได้ว่าการพับนั้นเกิดจากการตัดสินใจที่จะพับออกมาและเลือกว่าจะพับตรงไหนทำให้จุดหมายปลายทางไม่เหมือนกัน

สิ่งที่จะนำมาประยุกต์ใช้งานที่เกิดจากการพับ
ผมติดปัญหาอยู่ที่รูปแบบการพับของของแต่ละอย่างไม่เหมือนกัน ผมจึงต้องศึกษาว่าจะทำอย่างไรการพับถึงอธิบายSequenceของผมได้อย่างตรบถ้วน และมีความน่าสนใจ+สนุก อยู่ในงานออกแบบ
- ผมคิดจะนำข้อมูลของการพับมาใช้ในการออกแบบ ว่าเมื่อเวลาเราพับตรงไหนจะเปลี่ยนไปอย่างไร
- รูปทรงที่ใช้เริ่มอาจเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส เพราะผมเอาวิธีการพับแบบญี่ปุ่นมาอ้างอิง และอาจมีการลอกวิธีการพับบางส่วนเพื่อใช้เป็นแกนการพับ
http://www.origami-club.com/ >>>>สนใจดูการพับแบบอื่นlinkไปที่เวปนี้ได้นะครับ

วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2550

แก้ข้อผิดพลาดของงานคู่ขนาน

Sequence คู่ขนาน ในทฤษฎีของ Quantum ที่ว่าด้วยโลกคู่ขนาน
ทฤษฎีของโลกคู่ขนานนี้เกี่ยวข้องกับทฤษฎีความน่าจะเป็นโดยจะมีตัวให้เลือกคล้ายกับการเสี่ยงสุ่มโดยหน้าของลูกเต๋าว่าจะออกหน้าอะไร ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบให้เกิดสิ่งใหม่ในขั้นตอนถัดไป โดยสิ่งนี้อาจมีจุดเริ่มเหมือนกันแต่จุดจบไม่เหมือนกัน และสามารถเกิดต่อไปได้เรื่อยๆอีก ซึ่งจะมีจุดจบ หรือไม่มีก็ได้

โดยเส้นทางที่เชื่อมต่อซึ่งทำให้วัตถุเปลี่ยนแปลงไปอาจคล้ายกับLink โดยมีลักษณะที่คล้ายกับท่อต่อน้ำ ซึ่งทำให้วัตถุที่เกิดขึ้นต่างกันออกไป

Linkที่เกิดขึ้นอาจมีลักษณะคล้ายกับท่อส่งน้ำซึ่งอยู่ในจุดA1 และA2 ซึ่งทั้งสองจุดไม่ใช่การเลือก แต่เป็นจุดเชื่อมต่อเพื่อให้ส่งต่อจากจุด A1 ไปยังจุดA2 ได้ซึ่งอาจจะเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของSequenceแบบส่งต่อกันก็ได้ ซึ่งวัตถุที่ยกมาจะอยู่ในรูปของวัตถุที่สามารถเปลี่ยนรูปได้ซึ่งในขั้นตอนนี้ได้ยกตัวอย่างของน้ำที่อยู่ในท่อซึ่งน้ำจะสามารถเปลี่ยนรูปได้เมื่ออยู่ในสิ่งแวดล้อมต่างๆ และสามารถเปลี่ยนรูปร่างเพื่อเคลื่อนให้ไปหาอีกจุดหมายหนึ่งได้ แต่รูปร่างของน้ำจะไม่คงตัวทำให้ไม่สามารถยกรูปแบบของน้ำมาเป็นตัวอย่างในSequenceคู่ขนานได้ เพราะน้ำจะไม่หลงเหลือรูปทรงของในอดีตได้มากว่าความเป็นน้ำที่อยู่ในภาชนะใหม่

หารูปแบบที่มีลักษณะคล้ายกัน....ดินน้ำมันน่าจะตอบโจทย์ได้มากกว่าน้ำ เพราะว่าดินน้ำมันมีของแข็งกึ่งเหลวที่สามารถซึมซับเหตุการณ์ในอดีต....เมื่อเราขยำรูปร่างดินน้ำมันก็เปลี่ยนไปตามที่เราขยำ เมื่อเราปามันลงกับพื้นรูปร่างก็มันก็มีบางส่วนที่แบนและมีบางส่วนที่มีเหตุการณ์ของมันอยู่บ้าง และเมื่อเรานำมีดมาตัดครึ่งมันรูปร่างของมันก็ยังบอกถึงว่ามันเคยถูกขยำและถูกปามาก่อน เพราะรูปร่างที่เปลี่ยนไปจากสิ่งที่อดีตได้กระทำมา

เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับทฤษฎีโลกคู่ขนานของ Quantum ที่พูดถึงโลกในแบบที่ทับซ้อนกัน ซึ่งเป็นโลกของความน่าจะเป็น สถานะที่ต่างกันออกไปความสัมพันธ์นี้จะสิ้นสุดลง เมื่อมีการเลือกทางใดทางหนึ่งของความน่าจะเป็นนั้น ซึ่งหลังจากที่มีการเลือกเกิดขึ้นแล้วเอกภพคู่ขนานทั้งสองจะไม่สัมพันธ์กันอีกเลย โดยนำเอาการเคลื่อนที่ของน้ำที่อยู่ในรูปแบบของท่อ กับวัตถุที่เป็นดินน้ำมัน จะได้ดังนี้
-วัตถุที่เลือกต้องมีความอ่อนไหวต่อสิ่งเร้า
-วัตถุที่เลือกต้องเปลื่ยนไปไปตามแต่ละสถานที่โดยเป็นขั้นตอน
-เมื่อเปลี่ยนแปลงแล้วต้องอ้างถึงเหตุการณ์เก่า(น่าจะเหลือการเปลี่ยนแปลงครั้งก่อนไว้ให้เห็น)

ผมจึงหาวัตถุที่ใกล้เคียงกับดินน้ำมัน...ซึ่งน่าจะเป็นกระดาษเพราะกระดาษเป็นสิ่งที่บอบบางและสามารถเปลี่ยนรูปร่างด้วยวิธีการพับ....ผมหยุดความคิดนี้ไว้จนถึงวันศุกร์

ผมจึงคิดต่อไปอีกว่าผมจะใช้กระดาษมาเป็นตัวช่วยในการออกแบบอย่างไร
ในวันศุกร์ผมได้ไปดูนิทรรศการที่Central World ผมได้หยิบแผ่นพับขึ้นมาดูและพบว่า....เมื่อผมกางออกทั้งหมดและพับเก็บอีกครั้ง ผมจำไม่ได้ว่าผมควรจะพับไปด้านหน้าหรือด้านหลังดี และการพับเก็บของผมก็แปลกออกไป ผมจึงต้องย้อนไปพับใหม่อีกครั้ง ผมคิดว่าแผ่นพับน่าจะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ของผมได้ดีที่สุด เพราะเมื่อเราพับตามแบบที่เขาไม่ได้พับจะทำให้ผลสิ้นสุดแตกต่างออกไป ซึ่งจุดสิ้นสุดของเราจะเหมือนกับดินน้ำมันที่ถูกปาถูกขยำถูกตัดเป็นต้น

วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2550

ทำลองคู่ขนาน


คู่ขนานแบบความน่าจะเป็นในทฤษฏีของQuantum parallel universe

เมื่อนำทฤษฏีนี้มาใช้กับแผนที่ม.กรุงเทพ...จะหมายถึงการเลือกหรือความน่าจะเป็นว่ามีกี่วิธี
ชุดแรกเป็นวิธีของการเดินตามทาง(ถนน)โดยห้ามเดินทางย้อนกลับมาทางที่เคยเดินไปแล้ว

1.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
2.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก3-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
3.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
4.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
เมื่อลองคิดนอกกรอบ...การเดินทางไปทางไหนก็ได้โดยไม่เดินซ้ำกับเส้นทางที่เคยเดินมาแล้ว

ซึ่งจะได้วิธีอีกหลายวิธี เช่น
5.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
6.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ไปถึงหอสมุด
7.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ผ่านตึก11-ผ่านตึก12-ไปถึงหอสมุด
8.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ผ่านตึก11-ผ่านตึก12-ไปถึงหอสมุด
9.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ผ่านตึก11-ผ่านตึก12-ไปถึงหอสมุด
10.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ผ่านตึก11-ผ่านตึก12-ไปถึงหอสมุด
11.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก1-ผ่านตึก2-ผ่านตึก3-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ไปถึงหอสมุด
12.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ไปถึงหอสมุด
13.ผ่านหน้ามหาลัย-ผ่านตึก4-ผ่านตึก5-ผ่านตึก6-ผ่านตึก10-ผ่านตึก8-ผ่านตึก7-ผ่านตึก9-ผ่านตึก11-ผ่านตึก12-ไปถึงหอสมุด
สรุปการทดลอง
-เป็นระบบSequenceที่มีจุดเริ่มและจุดจบเดียวกัน(มีทางเข้าทางเดียวและทางออกทางเดียว)
-มีการจัดเรียงที่ไม่เหมือนกัน โดยอาจมีการสลับของSequenceบางพจน์ได้
-จำนวนของSequenceอาจไม่เท่ากันก้อได้
-มีการกำหนดให้บางตัวต้องตามบางตัวเท่านั้น หรือตามด้วยตัวไหนก็ได้
-การทดลองนี้เป็นการทดลองที่ใช้ชื่อของตึกตั้งแต่ตึก1-12มาใช้เพื่อให้เกิดความเข้าใจง่าย
-การทดลองนี้ไม่ใช่การทดลองที่สมบูรณ์แต่เเป็นการหยิบบางส่วนมาชี้ เพื่อตอบโจทย์แบบคู่ขนานแบบQuantum


สรุปงานทดลองที่จะเกิดขึ้น
-มีลักษณะคล้ายตัวอย่างดังกล่าว โดยนำการเชื่อมโยง การสลับ ความน่าจะเป็นมาใช้ในงานออกแบบ

สรุปคู่ขนาน

1.ขนานทางคณิตศาสตร์
- มีตั้งแต่2กลุ่มขึ้นไป
- เมื่อลากเส้นตัดที่90องศา เส้นต้องตั้งฉากกันทั้งหมด
- เหมือนหรือไม่เหมือนก็ได้
- เส้นจะยาวเท่ากันหรือไม่เท่ากันก็ได้
- ต้องอยู่บนระนาบเดียวกัน
- ช่องว่าระหว่าเส้นต้องเท่ากันเสมอ
- อาจเป็นเส้นตรงหรือเส้นโค้งก็ได้

2.ขนานทางปรัชญา...จะเป็นความรู้สึกของการใช้คำว่าคู่ขนาน เช่น พรรคการเมืองคู่ขนาน(น่าจะหมายถึงพรรคการเมืองที่มีความคิดเห็นที่ไม่สามารถบรรจบกันได้) อาจเป็นความหมายของคูขนานในเชิงลบ

สรุปทฤษฏีคู่ขนาน ของดร. อรรถกฤต ฉัตรภูติ
1. Quantum parallel universe ซึ่งกล่าวว่าอาจจะมีเอกภพอื่นๆ ซึ่งมี กฎทางฟิสิกส์ และ ค่าคงที่ต่างๆเหมือนกับเอกภพที่เราอยู่ทุกประการ แต่อาจจะอยู่ในสถานะที่ต่างกัน และ เอกภพคู่ขนานเหล่านี้ไม่สามารถที่จะติดต่อกันได้ ในโลกของควอนตัมซึ่งเป็นโลกของความน่าจะเป็น สถานะที่ต่างกันออกไป ในแต่ละเอกภพจะสัมพันธกัน โดยกระบวนการทางควอนตัมที่เรียกว่า Quantum superposition และ ความสัมพันธ์นี้จะสิ้นสุดลง เมื่อมีการเลือกทางใดทางหนึ่งของความน่าจะเป็นนั้น ซึ่งหลังจากที่มีการเลือกเกิดขึ้นแล้ว เอกภพคู่ขนานทั้งสองจะไม่สัมพันธ์กันอีกเลย....มีความน่าจะเป็น เมื่อความน่าจะเป็นเกิดขึ้น เอกภพคู่ขนานทั้งจะไม่สัมพันธ์กันอีกเลย
2. Inflation multi-universes เป็นแนวคิดที่พัฒนามาจากการศึกษาจักรวาลวิทยา (cosmology) หรือ การศึกษาเกี่ยวกับการกำเนิด และ วิวัฒนาการของเอกภพ หลักฐานที่เราได้จากคลื่นแม่ไมโครเวฟพื้นหลัง (Cosmic Microwave Background Radiation) ทำให้เชื่อว่าเอกภพที่เราอาศัยอยู่ ณ ขณะนี้ มีวิวัฒนาการมาจากการระเบิดครั้งใหญ่ที่เรียกว่า บิกแบง (Big Bang)
3.แนวคิดเรื่องเอกภพคู่ขนานในกลุ่มนี้ เป็นแนวคิดที่ได้มาจากทฤษฎีเส้นเชือก หรือ
String Theory ซึ่งเป็นทฤษฎีที่สร้างขึ้นมาเพื่อที่จะอธิบายธรรมชาติของแรงโน้มถ่วงในระดับพลังงานสูงๆ ก่อนอื่นต้องขออธิบายว่าในวิชาฟิสิกส์เราแบ่งแรงในธรรมชาติออกเป็น 4 ชนิด คือ
3.1แรงโน้มถ่วง ซึ่งเป็นแรงที่ดึงดูดมวลสารและพลังงานเข้าด้วยกัน เช่น แรงที่ดึงดูดดวงจันทร์เข้ากับโลกเป็นต้น
3.2แรงแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นแรงที่กระทำกับอนุภาคที่มีประจุ เช่น แรงที่ดูดอิเล็กตรอนให้วิ่งวนรอบนิวเคลียส เป็นแรงที่อยู่เบื้องหลังปฏิกิริยาเคมีทั้งหมด รวมถึงระบบประสาทในสิ่งมีชีวิต
3.3แรงนิวเคลียร์แบบอ่อน เป็นแรงที่เกิดในการสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสี และปฏิกิริยานิวเคลียร์บนดวงอาทิตย์เป็นต้น
3.4สี่แรงนิวเคลียร์แบบเข้ม เป็นแรงที่ดึงดูดอนุภาคควาร์ก ให้รวมกันอยู่ได้โปรตรอนและนิวตรอน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของอะตอม
***ปัจจุบันทฤษฎีที่เราใช้อธิบายแรงโน้มถ่วงคือ ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ซึ่งค้นพบโดย อัลเบอร์ต ไอน์สไตน์

ปัญหาใหญ่อีกอย่างของทฤษฎีเอกภพคู่ขนานคือ การทดสอบทฤษฎี โดยเฉพาะทฤษฎีที่ได้แรงบันดาลใจ มาจากทฤษฎีสตริง เพราะตามทฤษฎีแล้ว การที่จะเห็นมิติพิเศษอื่นๆที่มากกว่า 4 นั้น จะต้องอาศัยพลังงานสูงมากๆ และอาจจะต้องใช้เทคโนโลยี ที่สูงกว่าที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ดีนักฟิสิกส์หลายๆคนเชื่อว่า เราอาจจะตรวจพบสัญญาณจากมิติที่ห้า จากการทดลองโดยเครื่องเร่งอนุภาค Large Hadron Collider (LHC) ที่ห้องปฏิบัติการ CERN ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ นอกจากนี้แล้วการศึกษาคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่เรียกว่า
Cosmic Microwave Background (CMB) ก็อาจจะทดสอบทฤษฎี Bubble Universe ได้ว่าน่าเชื่อถือหรือไม่

วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2550

คู่ขนาน

คลังข้อความขนานคือข้อความต้นฉบับและข้อความภาษาอื่นๆ ที่แปลมาจากข้อความต้นฉบับ ในคลังข้อความขนานระบุส่วนตรงกันมีการระบุประโยคที่ตรงกันของคู่ข้อความที่ต่างภาษา ดังตัวอย่างในตารางด้านล่าง
ข้อความต้นฉบับภาษาอังกฤษ กับ ข้อความที่แปลเป็นภาษาไทย


แรงขนาน หมายถึงแรงที่มีทิศขนานกัน แรงขนานมี 2 ประเภท คือ
แรงขนานพวกเดียวกันคือแรงขนานที่มีทิศทางเดียวกัน
แรงขนานต่างพวกกันคือแรงขนานที่มีทิศทางตรงข้ามกัน

แบบทดสอบคู่ขนาน หมายถึง แบบทดสอบสองฉบับที่มีเนื้อหา ความยากง่าย อำนาจจำแนก คะแนนเฉลี่ย คะแนนเบี่ยงเบนมาตรฐานเหมือนกัน และจำนวนข้อเท่ากัน นำไปสอบกับกลุ่มตัวอย่างทั้งสองฉบับ แล้วหาค่าสหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนทั้งสองฉบับนี้ สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ที่คำนวณได้นี้ก็คือความเชื่อมั่นของแบบทดสอบนั่นเอง

เส้นขนาน คือ เส้นตรงสองเส้นที่อยู่บนระนาบเดียวกัน ไม่ตัดกัน และมีระยะห่างระหว่างเส้นทั้งสองเท่ากันเสมอ เส้นขนานอาจเป็นเส้นตรงหรือเส้นโค้งก็ได้ เช่น รางรถไฟ ขอบยางในรถยนต์

เส้นตรงที่ตั้งฉากกับเส้นตรงเดียวกันย่อมขนานกัน และเส้นตรงที่ขนานกับเส้นตรงเดียวกันย่อมขนานกัน

ทฤษฎีเรื่องเอกภพคู่ขนาน

http://www.vcharkarn.com/include/article/showarticle.php?Aid=313

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2550

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2550

ลองมองด้วยแว่นตา3มิติดู



ภาพที่ผมเห็นจากการมองด้วยแว่น3มิติ...ผมมองเห็นเป็นภาพดังนี้



เหตุผลที่เลือใช้แว่น3มิติในการมอง...เพราว่าผมได้มองไปยังการทำงานของระดับสายตาที่สามารถอ่านภาพจากจอ2จอและต่อกันในสมองเพื่อให้คนเรารู้ได้....การมองของสายตาไม่ใช่แค่วัดว่ามองภาพชัดได้แค่อย่างเดียว แต่สายตายังช่วยให้มองเห็นถึงระดับของความใกล้ไกลของวัตถุได้อีกด้วย...ไม่เชื่อลองปิดตาข้างเดียวแล้วลองทำอะไรดู และการที่ใช้กระดาษแก้ว2สีทำเลนส์แว่นตาดู ก็พบว่าคู่สีแดง-น้ำเงินเวิร์คกว่าคู่สีแดง-เขียว โดยยิ่งค่าความโปร่งแสงของตัวอักษรยิ่งน้อยเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมองเห็นตัวอักษรเพียงตัวเดียวมากยิ่งขึ้น ผมจึขอเลือกใช้คู่แดง-น้ำเงิน

งานคู่ขนาน




อันนี้ลองนำคำที่มีลักษณะเหมือนกัน โดยมีคำว่า ฉัน รัก เธอ ......ซึ่งเป็นปฏิกิริยาระหว่าง2บุคลคล้ายกับเส้นทางคู่ขานที่ลิขิตให้เขามาเจอกัน เมื่อมองเห็นสองสิ่งพร้อมกัน ฉันรักเธอและฉันก็รู้ว่าเธอรักฉัน เธอรักฉันและเธอก็รู้ว่าฉันรักเธอ ผลสรุปของงานออกแบบนี้จึงออกมาเป็นคำ2ประโยคถูกสร้างมาโดยใช้พจน์คล้ายๆกัน แต่จะเปลี่ยนตำแหน่งสลับกัน ซึ่งเกิดจากคำที่ใช้ระหว่างคนสองคน

คู่ขานของตัวอักษรเมื่อส่องกระจก




งานออกแบบตัวอักษรเมื่อนำตัวอักษรภาษาไทยไปส่องกระจกเพื่อตอบโจทย์ Sequenceแบบคู่ขนาน ซึ่งเป็นการสันนิษฐานว่าเมื่อเราสามารถมองเห็นคู่โลกขนานและโลกความจริง.....ในที่นี้เปรียบเป็นโลกเรากับโลกที่อยู่ในกระจก ว่าตัวอักษรที่เกิดขึ้นจากการมองเห็นพร้อมกันทั้งสองโลกจะเกิดอะไรขึ้น คล้ายกับทฤษฎีเห็นเงาสะท้อนจากในน้ำ

โดยในที่นี้จะยกก.ไก่มาเป็นตัวเริ่มต้นของการออกแบบเพราะก.ไก่เป็นพยัญชนะตัวแรกของอักษรไทย

วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2550

1.1นำSequenceของบุ๊คมาออกแบบ


-นำกระดาษมาตัดเป็นรูปลายก้นหอย โดยเนื้อที่กระดาฯเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าโดยตัดจากด้านนอก และตัดเข้าหาด้านใน ซึ่งรูปทรงที่ได้มาจะเป็นรูปเสมือนปิรามิด โดยสิ่งที่เราตัดครั้งแรกจะอยู่ด้านล่างสุดและสิ่งที่เราตัดครั้งสุทายจะเป็นแกนกลาง(ดังภาพ) เมื่อเรา



แบบที่1นำสิ่งที่เล็กที่สุดอยู่ข้างบนโดยยึดเอาหลักของก้นหอยและวงปี ที่ขนาดเล็กสุดจะอยู่ข้างบนหรือข้างใน โดยสิ่งที่ทำนี้เป็นแบบร่าง



แบบที่2ขนาดของทุกสิ่งจะเท่ากัน ซึ่งไม่เหมือนกับแบบแรก ดดยแบบที่2นี้จะอิงตามหลักของหนังสือที่ทุกหน้ามีขนาดเท่ากัน เวลามองจากทางไหนก็ตามแต่ จะเห็นสิ่งที่อยู่ข้างบนก่อน โดยสิ่งที่อยู่ข้างบนนี้จะเป็นสิ่งที่เริ่มไปสู่สิ่งที่สองและไปสูสิ่งอื่นเรื่อยๆตามลำดับ

Sequenceของบุ๊ค

พอดีผมได้เห็นงานของบุ๊คไปสอดคล้องกับบทความหนึ่ง ที่เกี่ยวกับฮวงจุ้ย จักรวาล และอะตอม

บทความนั้นกล่าวไว้ดังนี้......ในปรัชญาวิชาฮวงจุ้ยของจีนยังมีคำกล่าวที่สอดคล้องกันข้อความข้างต้น โดยพูดไว้ว่า “ทุกส่วนที่เล็กที่สุดเป็นตัวแทนที่สมบูรณ์ของจักรวาล” เราดูตัวอย่างง่ายๆ โดยสิ่งที่ใหญ่ที่สุดก็คือตัวจักรวาลเอง มีดวงอาทิตย์อยู่ตรงกลาง และมีดาวเคราะห์ต่างๆโคจรล้อมรอบ ส่วนสิ่งที่เล็กที่สุด ก็คือ อะตอม ซึ่งมีอิเล็คตรอนเป็นจำนวนมากหมุนรอบโปรตอนที่เป็นแกนกลาง จะสังเกตได้ว่ามีโครงสร้างหน้าตาที่เหมือนกัน

อิเล็กตรอนจะมีลักษณะการวิ่งหมุนแบบวนซ้าย เมื่ออะตอมเกาะกลุ่มรวมตัวกันเป็นโมเลกุล โครงสร้างที่เกิดขึ้นก็เวียนซ้ายด้วย เมื่อประกอบรวมกันกลายเป็นสสาร จึงได้มีรูปแบบที่วนซ้ายไปด้วย ดังเช่น เมื่อประกอบขึ้นมาเป็นยีนหรือดีเอนเอในร่างกาย เส้นดีเอนเอทั้งหมดก็จะพันกันเป็นเกลียวแบบเวียนซ้าย โดยมนุษย์เราได้ยีนหนึ่งชุดจากพ่อและอีกชุดหนึ่งจากแม่มาผสมกัน ตัวดีเอนเอ จะพันกันเป็นเกลียวก่อตัวเจริญเติบโตขยายตัวเป็นอวัยวะต่างๆ สร้างขึ้นมาเป็นร่างกายของเรา ระบบกล้ามเนื้อและอวัยวะต่าง ๆ ก็มีลักษณะในการวนซ้าย ดังจะสังเกตว่า หัวใจซึ่งเป็นจุดตั้งต้นของระบบเลือดจะอยู่ซีกซ้ายส่งเลือดไปทางขวา ส่วนกระเพาะอาหารซึ่งเป็นจุดตั้งต้นของระบบย่อยก็จะอยู่ด้านซ้าย เมื่อเชื่อมต่อไปยังลำไส้เล็ก ก็มีการขดเวียนจากซ้ายไปขวาตามเข็มนาฬิกาเช่นเดียวกัน
ลองสังเกตลายเส้นขนบนตัวของท่านก็หมุนวนเป็นวงกลมจากซ้ายไปขวา
ขึ้นมาจนถึงจุดสุดยอดตรงขวัญบนศีรษะ นี่คือลายของพลังงานเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีขวัญ และคนร้อยละ 80-90 ทั่วโลกขวัญจะวนซ้ายไปขวาเสมอ

รวมไปถึงลายก้นหอยบนนิ้วมือก็จะวนซ้ายเสมอเวลาไปเที่ยวทะเลคุณสังเกตดู หอยเกือบทุกตัวในโลกก้นหอยจะวนซ้าย นานๆจะเจอแบบที่วนขวาในสมัยโบราณถ้าพบหอยสังข์ที่ก้นหมุนวนขวาเมื่อไหร่เขาถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะเอาไปถวายในหลวงเพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุมงคลในงานพระราชพิธีต่าง ๆ เพราะเชื่อว่ามีพลังพิเศษสามารถหมุนต้านพลังจักรวาลของโลกได้

โดยสิ่งต่างๆที่จะนำไปออกแบบก็คือลายก้นหอย ซึ่งเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับงานของบุ๊คได้ดี

ซึ่งในสิ่งต่างๆรอบตัวก็มีลายก้นหอยอยู่ เช่น ลายนิ้วมือ,ขวัญบนศีรษะ,วงปี,....,วงโคจรของดาวเคราะห์,จักรวาล

วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

http://seedang.com/stories/10378
http://seedang.com/stories/9427

เวปที่เข้าไปดูคลปตัวอย่างข้องต้น.....ผมลองเอามาใส่แล้ว เวป9427 มีปัญหาครับไม่สามารถอัฟโหลดได้ ผมเคยลองดันทุรังทำไปแล้วการจัดวางของหน้าBlogก็สลับกันมั่วไปหมดเลยครับ

Sequence ที่ลองออกแบบดู

ได้นำเอาคลิปที่มีอยู่แล้วมาลองตัดต่อในหัวข้อ"อุบัติเหตุ" ซึ่งเป็นตัวทดลองที่จะเอาไปงานออกแบบเพราะคลิปตามเวปเหมือนเครื่องมือสะดวกใช้ ที่มีปริมาณมาก และส่วนมากถ่ายโดยความต้องใจ แต่จะได้ผลลัพธ์เป็นความไม่ตั้งใจแทน ซึ่งจะของหยิบเอาบางส่วนมาลองเปรียบเทียบดู

เมื่อได้ข้อมูลตัวอย่างมาแล้วก็จัดการหาความเชื่อมโยงที่เกี่ยวข้องโดยแต่ละเหตุการณ์จะมีลำดับที่เหมือนกัน ดังนี้คือ
- มีการขับเคลื่อนของรถยนต์ที่ดูแล้วไม่น่าจะมีอุบัติเหตุ
- มีรถคนหนึ่งเกิดอุบัติเหตุ...โดยการชน
- อุบัติเหตุที่จบลง

***ทำไมถึงเลือกเอาอุบัติเหตุ เพราะถ้าเราเกิดอุบัติเหตุสิ่งที่จะเกิดก็จะเกิดความสูญเสีย คงไม่มีใครอยากให้เกิดและถ้าคนที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในการแสดงได้นั้นต้องยอมเสี่ยง เพราะดังนั้นคงไม่มีใครหน้าไหนทำอุบัติเหตุเล่นๆเพื่อโปรโมทตัวเองหรอก


การดำเนินของอุบัติเหตุทั้ง 2 ก่อให้เกิดทฤษฎีของ Sequenceคู่ขนานในรูปแบบของเรื่องที่เหมือนกัน ซึ่งเป็นเหตุการณ์เฉพาะที่ไม่ได้มีใครกำกับไว้

วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

Sequence


นำลับดับความสำพันธ์(เซน)โดยให้ความสำคัญกับคนที่สนิทที่สุดในห้องก่อน

กำหนดความสำญโดยให้คนที่สนิทที่สุดเป นผู้เรื่มในช่องแรก และคนสนิทน้อยที่สุดจะเเป็นช่องสุดท้าย

นำข้อมูลของเพื่อนที่สอบถามโดยกำหนดหัวข้อ"วันที่หยุด" โดยข้อมูลที่ออกมาจะเป็นการสอบถามโดยใช้หลักข้อมูลโดยทั่วไป การสอบถามครั้งนี้อาจเปลี่ยนแปลงในภายบหลัง โดยเรียงลำตับจากเริ่มตื่นนอน จนถึงเวลานอนของทุกๆคน




นำข้อมูลของทั้ง4คนมาจัดเรียงเพื่อเปรียบเทียบ


นำข้อมูลที่มีมาจัดเรียงใหม่โดยกำหนดสีเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงของSequenceเข้าด้วยกัน

นำข้อมูลได้ไปออกแบบโดยอาจจำเรียงตามนี้หรืออาจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง โดยกำหนดให้ช่องสี่เลรายมแทนภาพเคลื่อนไหวในเวลานั่นๆ

วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

Sequence ใหม่ที่เกิดจากการเรียงตัวของคู่ขนาน

คำว่า"คู่ขนาน"ในความเป็นจริงนั้น หมายถึง การเรียงขนานกันของอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่แค่เส้นหรือวัตถุ โดยไม่มีจุดเริ่มและจุดจบเดียวกันแต่ต้องดำเนินไปด้วยกัน คล้ายกับฝาแฝดมาก

การโลกคู่ขนานนั้นมาอยู่จริง จึงก่อให้เกิดทฤษฎีต่างๆที่เกี่ยวกับคู่ขนานตามมา
1. ญาณหยั่งรู้ เพราะเราได้อับอิทธิพลจากจากตัวเราอีกคนที่อยู่ในดลกคู่ขนานมิติอื่น คล้ายประตูการเวลาของโดเรมอนที่เปิดไปแล้วจะเจอตัวเราหลายๆคนในยุคสมัยที่ต่างกัน....อีกทฤษฎีเชื่อว่าตัวเราแต่ละคนในโลกคู่ขนานที่ต่างกันจะมีอุปนิสัยต่างๆกันออกไป
2. ชาติที่แล้ว...หลายคนอาจคุ้นเคยกับสิ่งที่มำมาเพราะได้รับอิทธิพลจากชาติที่แล้ว ตัวตนในชาติที่แล้วก็อาจเป็นสาเหตุในอุปนิสัยในปัจจุบันได้เป็นต้น
เรื่องทฤษฎีคู่ขนานนนี้ยังมีอีก

เรื่องที่จะทำการเรียงตัวของSequenceใหม่ที่เกิดจากทฤษฎีคู่ขนาน ถ้าเราเปรียยบให้ A,B,C,D แทนเส้นขนาน เราจะได้สมการดังนี้
------------------- A

------------------- B

------------------- C

------------------- D

โดยเราจะเปรียบได้กับจอโทรทัศน์ช่องเล็กๆ 4 ช่อง เมื่อมีการดำเนินของSequenceไปเรื่อยๆ สิ่งที่ได้ผลกลับมาก็จะเกิดSequenceใหม่ อันเกิดจากเหตจุการณ์ทั้ง4 ที่เกิดขึ้น

วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

สูตรSequenceในเลขคณิต

ลำดับ คือ ฟังก์ชันที่มีโดเมนของเซตเป็นจำนวนเต็มบวก และถ้าลำดับในเซต A คือ ลำดับที่มีเรนจ์เป็นสับเซต ของ A ถ้าโดเมนมีจำนวนจำกัด เรียกว่า ลำดับจำกัด ถ้าโดเมนมีจำนวนไม่จำกัด เรียกว่า ลำดับอนันต์ ถ้าให้ f เป็นเซตของจำนวนเต็มบวกไปยังเซตของจำนวนจริง เราจะเรียก f(1),f(2),f(3),... ว่า ลำดับของจำนวนจริง

ลำดับเลขคณิต (arithmetic sequence หรือ arithmetic progression)
บทนิยาม ลำดับเลขคณิต คือลำดับที่มีผลต่างระหว่างพจน์ที่ n+1 กับพจน์ที่ n มีค่าคงตัว ค่าคงตัวนี้เรียกว่า ผลต่างร่วม (common diferent)

สูตร an = a1 + (n − 1)d


ลำดับเรขาคณิต (geometric sequence or geometric progress)
บทนิยาม ลำดับเรขาคณิตคือ อัตราส่วนระหว่างพจน์ที่ n +1 กับ พจน์ที่ n มีค่าคงตัว ค่าคงตัวนี้เรียกว่าอัตราส่วนร่วม ( common ratio )

สูตร an = a1 * rn − 1


ลำดับฮาร์มอนิก (harmonic sequence)
บทนิยามลำดับฮาร์มอนิกหมายถึง ลำดับที่มีพจนืแต่ละพจน์เป็นส่วนกลับของพจน์ในลำดับเลขคณิต


ลำดับสลับ (alternating sequence)
ลำดับสลับคือ ลำดับซึ่งพจน์ที่ n กับพจน์ที่ n + 1 มีเครื่องหมายตรงกันข้ามกัน


ลำดับฟีโบนักชี (Fibonacci sequence)
ลำดับฟีโบนักชีคือลำดับของจำนวนเต็มบวก ซึ่งมีสมบัติว่า an


ลำดับโคชี (Cauchy sequence)
ลำดับโคชีคือลำดับซึ่ง | an - an − 1 |มีค่าเข้าใกล้ 0 เมื่อ n มีค่ามากขึ้นโดยไม่มีที่สิ้นสุด

Project



วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

เรื่องที่จะทำ.....ภาคต่อ

เรื่องที่จะทำนี้ดูเหมือนว่าจะมีหลายคนที่ไม่เข้าใจผม

ผมเลือกการสร้างลำดับใหม่ คือกำหนดตัวเลือกใหม่จากสิ่งที่มีอยู่เดิม
ก็คือการจัดลำดับของSequenceของหนังลือใหม่โดยอิงจากสิ่งที่มีอยู่เดิม โดยผมเปรียบจำนวนหน้าของหนังสือเป็นSequence และผมทำLinkใหม่ โดยจะออกแบบLinkให้อยู่ภายใต้การควบคุมของผมซึ่งเป็นการกระทำที่มีเงื่อนไข

UndoในSequenceช่วยSequenceได้จริงเหรอ?

ปัญหานี้เนปัฅญหาโลกแตกที่วิตกของห้องอยู่นานแต่พอที่จะสรุปได้ดังคำกล่าวที่ว่าไว้ "เรื่องมี2ด้าน" อะไรล่ะที่มี2 ด้าน ก็undoไงมันมีประโยชน์ตรงที่ทำให้ผู้เห็นจิตนาการได้อย่างมีระบบ คือเหมากับทำงานอย่างมีขึ้นตอน เพื่อที่จะกลับไปแก้ไขเรื่องเก่าๆได้ (finish Sequence)ซึ่งจะมีประโยชน์ในการทำให้เกิดความสำเร็จที่ชัดเจน คือรู้ปลายทางว่างานของเราจะออกเป็นแบบไหน เป็นงานที่ไม่ต้องทดลองให้ยุ่งยาก ส่วนข้อเสียของการ undo ก็คือเราจะขาดความแปลกใหม่ในงานที่จะเกิดขึ้นเพราะว่างานที่ออกมานั้นจะมีลักษะเหมือนกันหมด คือ เป็นงานที่ซ้ำซาก ทำเหมือนๆกัน เพราะทุกคนถูกตั้งโปรแกรมให้ทำ และทำแบบเดียวกัน

ข้อคิด....ทำไมต้องไปแก้ในเมื่อมันเสร็จสิ้นแล้ว.....อันนี้ผมก็ว่ามี2ด้าน
คือแก้เพราะรู้ว่าผิด ไม่แก้เพราะจะได้ความแปลกใหม่....ซึ่งอันนี้จะกลายเป้นเรื่องของการได้มาซึ่งคุณสมบัติ

วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2550

เรื่องที่จะทำ

การกำหนดเงื่อนไขของSequenceใหม่ ทำให้เกิดSequenceที่เรียงกันอยู่เกิดรูปประโยคใหม่ขึ้นมา

เมื่อวันอาทิตย์ผมได้ไปดู "สวยลากไส้" แหม!หนังเค้าดีจริงๆ เนื้อเรื่องเป็นSequenceแบบ 1-2-1-3-4-3-7-5-6-8-9 อะไรแบบนี้เซ่งมีการเรียงก่อนหน้าไม่เหมือนกัน และมีการกล่าวซ้ำไปซ้ำมา เหมาะกับการดู120บาทจริงๆ เหมือนโดนผีหลอกเอาตังเลย แต่ผมก็ยอมเสียตังให้กับสาวๆในเรื่องแทนที่จะดูผีมากกว่า.....ถ้ามีเวลาก็แวะไปดูนะ ไปดูผู้หญิงที่อยู่ในเรื่องนะอย่าดูผี อันนี้เน้นเลยนะ แล้วท่านจะพบกับฉาก.......ดูเองเหอะ...........เข้าเรื่องเลยดีกว่า ครั้งที่แล้วผมเสนอเรื่องการทำลายไป...แต่ก็นะ มันไม่ใช่การทำลาย มันคือการกำหนดเงื่อนไขใหม่ ผมก็เห็นด้วย เพราะถ้ากำหนดการเรียงของเรื่องไขแบบสวยลากไส้มันก็จะมีอะไรมากกว่าที่เราไปแค่1-10 เพราะSequenceนี้คงน่าเบื่อมาก ถ้ากำหนดเงื่อนไขในรูปแบบแบบเป็นBookหรือmediaมันก็น่าสนใจกว่านะ

Project : การกำหนดเงื่อนไขใหม่ของSequence

เรื่องของEqual

Equal คือ หนังภาคแรกที่ทำขึ้นของเรื่องนั้นๆ จะเป็นเรื่องแรกที่สร้างขึ้นมาก่อน.....อาจหมายถึงสิ่งที่เป็นปัจจุบัน
Sequal คือ หนังเรื่องที่มีเนื้อความต่อจากเรื่องแรกที่สร้าง ต้องสร้างเรื่องแรกก่อนถึงจะสร้างเรื่องนี้ได้.....อาจหมายถึงเรื่องที่เป็นอนาคต
Prequal คือ หนังเรื่องที่มีเนื้อความเกิดขึ้นก่อนแต่ถูกเท้าความทีหลัง ต้องสร้างเรื่องแรกก่อนถึงจะมีเรื่องนี้ได้..... อาจหมายถึงเรื่องที่เป็นอดีต

อดีต(Prequal)+ปัจจุบัน(Equal)+อนาคต(Sequal)

ถ้าอดีตไม่มี......ปัจจุบันก็จะไม่เกิดขึ้น
ถ้าไม่มีปัจจุบัน.....อนาคตก็จะไม่เกิดขึ้น
ดังนั้นถ้าไม่มีอดีต.....อนาคตก็จะไม่เกิดขึ้น

แต่ในทางกลับกันในทางภาพยนตร์.....ถ้าไม่Equal.....Sequal Prequalก็จะไม่เกิดขึ้น

วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2550

Sin City

Sin City….คือ “หนังอาชญากรรมที่เล่าเรื่องตัดสลับเรื่องราวพร้อมกับมุขตลกเจ็บแสบและกลิ่นอายของ Pulp fiction” นี่อาจเป็นคำนิยามของเมืองบาปแห่งนี้หากว่าหนังนำแค่เนื้อหาในการ์ตูนมาเล่าเรื่องด้วยรูปแบบภาพยนตร์ทั่วไป แต่เมื่อ Robert Rodriguez เลือกที่จะลาออกจากThe Directors' Guild of America เพื่อดึงFrank Miller ผู้สร้างเมืองนี้มากับมือมาเป็นผู้กำกับร่วมกัน ทดลองที่จะฉีกรูปแบบภาพยนตร์ทั่วๆไปทิ้งและคงความเป็นการ์ตูนของต้นฉบับไว้ให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นภาพสีขาวดำที่เล่นสีเป็นครั้งคราว (รองเท้าผ้าใบสีแดงนี่เหลือเกิน) การถอดฉากมาจากในหนังการ์ตูนโดยไม่ได้สร้าง storyboard ขึ้นมาใหม่และ CG ทั้งหลายแหล่ที่แนบเนียนไปกับตัวภาพยนตร์กับการถ่ายหนังทั้งเรื่องด้วยกล้อง High-Definition digital ทำให้เมืองบาปนี้โดดเด่น เจ๋ง และไม่ใช่แค่ว่าสไตล์จะโดดเด่นเกินเนื้อหนังแต่เป็นสไตล์ของหนังที่ช่วยขับเสริมตัวหนังให้โดดเด่นมากขึ้นไปอีก


Hartigan ตำรวจใกล้ปลดระวางที่ต่อสู้เพื่อความถูกต้องที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง(ความยุติธรรมความดีงามในสังคม การทารุณกรรมต่อเด็ก / เหยื่อของสังคมที่เขาต่อสู้เพื่อช่วยเหลือในเรื่องคือเด็ก)

Marv ชายหนุ่มหน้าตาอัปลักษณ์ที่ใครๆก็ไม่เหลียวแล ต่อสู้เพื่อตอบแทนในความศรัทธาต่อตัวเองของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีให้(ศักดิ์ศรีและคุณค่าของมนุษย์ / เหยื่อของสังคมที่เขาต่อสู้เพื่อช่วยเหลือคือตัวเขาเองที่เป็นเหมือนคนที่ถูกลืม)
Dwight ชายหนุ่มที่ต่อสู้เพื่อปกป้องอิสตรีและพวกพ้อง(ชนชั้นล่าง เพศหญิงและการรุนแรงต่อสตรี /เหยื่อของสังคมที่เขาต่อสู้เพื่อช่วยเหลือคือเพศหญิง)





Sequenceของหนังเรื่องนี้
1.Sequenceที่จัดเป็นเนื้อเรื่องของHartigan
2.Sequenceที่จัดเป็นเนื้อเรื่องของMarv
3.Sequenceที่จัดเป็นเนื้อเรื่องของDwight
4.Sequenceที่มาจากการเรียงลำดับของเนื้อเรื่องทั้ง3เข้าด้วยกัน
5.Sequenceที่มาจากดำเนินเรื่องของเหตุการณ์ตามปกติ
6.Sequenceที่มาจากการเรียงความสัมพันธ์ของบุคคลในเนื้อเรื่อง
7.Sequenceที่มาจากการสุ่มเลือกเนื้อเรื่องขึ้นมาโดยยังสามารถดูตอนอื่นโดยไม่สับสน
8.Sequenceที่มาจากการลำดับเหตุที่มาจากและผลกระทบที่เกิดจาก

ทฤษฏีต่างๆ

ทฤษฏีDejevu ทฤฏีนี้หลายคนอาจบอกว่า เฮ้ย!ไอ้แนวมึงดูหนังมากไปป่าววะ? สงสัยมึงท่าจะบ้าว่ะ มันไม่ใช่นะครับ ทฤษฏีนี้เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริงหรือคิดไปเองก็ได้

ทฤษฏีDejevuที่1 : ตามหลักอดีตชาติ มันได้เกินขึ้นแล้วในอตีด แล้วจะย้อนกลับมาเกิดอีก เราผ่านประสบการณ์มากมาย และบางสิ่งอาจหลงเหลือในความทรงจำ แล้วย้อนกลับมาเกิดขึ้นอีก ทำให้รู้สึกว่าเคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งทฤษฏีนี้เป็นประสบการณ์ทางจิตวิญญาณบางครั้งอาจเกิดขึ้นขณะที่หลับ
ทฤษฏีDejevuที่2 : Dejavuเป็นพลังจิตรูปแบบหนึ่งของทิพยจักขุญาณ ซึ่งได้จากการเจริญภาวณาของกสิณ3 โดยที่จริงแล้วเราทุกคนมีพลังจิต แต่ความอ่อน-เข้มจะต่างกัน เพราะเราไม่ได้ฝึก ถ้าเราฝึกได้เราก็จะสามารถควบคุมพลังได้
ทฤษฏีDejevuที่3 : Dejevuเกิดจากจักรวาลคู่ขนาน (ในโลกที่มีเราอยู่ในข.ณะนี้ในขณะเดียวกันก็มีเราอยู่อีกโลกหนึ่งและอีกมากมายนับไม่ถ้วน) ที่ได้ดำเนินมาพร้อมจักรวาลที่เราอยู่ตอนนี้ จะเป็นในทางเดียวกันหรือต่างกันก็ได้ โดยจะมีเหตุการณ์ให้เลือกคล้ายการทอกเต๋า

ทฤษฏีDejevuที่4 : คิดไปเอง

Resume


(หน้า)

(หลัง)

การออกแบบResumeตัวเอง งานชิ้นนี้เป็นงานที่ผมประทับใจที่สุด เพราะทำได้ดีออกมาเกินคาดซึ่งตอนนั้นอ.ลี่กะอ.เก๋ได้ให้ออกแบบResumeตัวเอง ซึ่งเป็นงานออกแบบครั้งแรกในฐานะนักศึกษาEditerial Design